เคยไหม? เวลาลุกขึ้นยืนเร็ว ๆ แล้วรู้สึกเวียนหัว มึนหัวเหมือนจะล้ม หรือบางครั้งรู้สึกปวดหัวโดยไม่มีสาเหตุ หายใจก็ลำบาก? อาการเหล่านี้อาจจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคความดันก็ได้นะ ซันเดย์จะพาทุกคนไปสังเกตอาการ รวมถึงทำความรู้จักกับโรคความดันโลหิตสูงและโรคความดันโลหิตต่ำกัน เผื่อใครที่กำลังกังวลว่ามีความเสี่ยงต่อโรคนี้จะได้รีบเข้าไปรับการตรวจร่างกายกับแพทย์โดยตรง
โรคไม่ติดต่อแต่อันตรายถึงชีวิต
เมื่ออายุมากขึ้น หลาย ๆ คนน่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพเพิ่มขึ้นตามมาด้วย นอกจากโรคร้ายแรงที่น่าเป็นกังวลแล้ว ก็ยังมีโรคไม่ติดต่อหรือ NCDs ที่สามารถส่งผลทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจนทำให้เกิดการเสียชีวิตได้ โรคเหล่านี้ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวานและโรคความดัน ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องโรคความดันกันเป็นหลัก เพราะมักจะเป็นโรคที่หลาย ๆ คนไม่ทันได้ระวังตัว กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว!
บทความน่าอ่าน > อัปเดต 2567 เบี้ยประกันมะเร็ง ทำประกันมะเร็งแบบไหนดี?
โรคความดันคืออะไร?
โรคความดันเป็นโรคที่เกิดขึ้นเนื่องจากความผิดปกติของความดันโลหิตที่ไม่ปกติ โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
- โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- โรคความดันโลหิตต่ำ (Hypotension)
ซึ่งทั้งสองประเภทนี้สามารถส่งผลก่อให้เกิดอาการแทรกซ้อนและโรคเรื้อรังอื่น ๆ ตามมาได้
โรคความดันโลหิตสูงคืออะไร?
ซันเดย์ต้องอธิบายก่อนว่าโรคความดันโลหิตสูงเป็นภาวะที่เกิดจากการที่ความดันเลือดในหลอดเลือดแดงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพอมีความดันมากขึ้น หัวใจก็จะทำงานหนักขึ้นเพื่อส่งเลือดออกไปให้ทั่วร่างกาย พอมีอาการของโรคนี้ไปนาน ๆ ก็จะส่งผลร้ายกับหัวใจและหลอดเลือดได้ โดยโรคความดันโลหิตสูงจะมี 2 ประเภทคือ
- ความดันโลหิตสูงปฐมภูมิ (Primary or Essential Hypertension) เป็นภาวะที่ไม่มีเหตุผลชัดเจน น่าจะมาจากทั้งพันธุกรรม การรับประทานอาหารที่มีเกลือเยอะ ความเครียดและการไม่ค่อยออกกำลังกาย
- ความดันโลหิตสูงทุติยภูมิ (Secondary Hypertension) จะเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคอื่น ๆ เช่น โรคไต หรือมีการใช้ยาบางชนิดที่ส่งผลโดยตรงกับความดันโลหิต
อาการของโรคความดันโลหิตสูง
ต้องบอกว่าอาการของโรคความดันโลหิตสูงมีหลากหลายแบบมาก ๆ และไม่ค่อยมีอาการที่รุนแรง ทำให้หลาย ๆ คนมองข้ามสัญญาณเตือนเหล่านี้ไป ไม่ว่าจะเป็น
- ปวดศีรษะบริเวณท้ายทอยบ่อย ๆ
- วิงเวียนศีรษะและมีอาการมึนงง
- เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก
- เจ็บหน้าอก
ซันเดย์แนะนำว่าถ้าหากมีอาการเหล่านี้ หรือรู้สึกว่ามีอาการที่ไม่ปกติ ควรรีบเข้าไปรับการตรวจสุขภาพเพื่อเฝ้าระวังความเสี่ยงของโรคที่อาจจะเป็นได้
โรคความดันโลหิตต่ำคืออะไร?
โรคความดันโลหิตต่ำจะตรงข้ามกับความดันโลหิตสูง คือความดันในหลอดเลือดต่ำกว่าปกติ ทำให้เสี่ยงที่เลือดจะไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญได้ไม่เพียงพอ โดยความดันโลหิตต่ำจะวัดออกมาแล้วได้ค่าความดันที่ต่ำกว่า 90/60 มิลลิเมตรปรอท (mmHg)
อาการของโรคความดันโลหิตต่ำ
หนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าคุณอาจจะเป็นโรคความดันโลหิตต่ำ หรือมีความเสี่ยงคือการรู้สึกวิงเวียนศีรษะหรือหน้ามืดบ่อย ๆ เมื่อลุกขึ้นยืนแบบเร็ว ๆ หรืออาจจะเกิดขึ้นระหว่างที่ใช้แรงยกของ หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงที่สมองและอวัยวะอื่น ๆ ไม่เพียงพอต่อความต้องการนั่นเอง โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทเช่นกัน ได้แก่
- ความดันโลหิตต่ำชั่วคราว (Acute Hypotension) จะเป็นภาวะที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น ในการช็อกฉับพลันหรือเมื่อลุกขึ้นยืนเร็ว ๆ อาจเกิดจากการขาดน้ำ ความเครียดและอากาศที่ร้อนจัด
- ความดันโลหิตต่ำเรื้อรัง (Chronic Hypotension) จะเป็นภาวะที่ความดันโลหิตต่ำตลอดเวลา มักพบในผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไตและโรคระบบประสาท
ความดันปกติคือเท่าไหร่?
ความดันโลหิตปกติสำหรับผู้ใหญ่ อายุ 18 ปีขึ้นไป จะอยู่ที่ 120/80 มิลลิเมตรปรอท แต่ต้องบอกว่าค่านี้จะแตกต่างกันออกไปตามอายุและเพศด้วยนะ เช่น
- ผู้หญิงมักมีความดันโลหิตต่ำกว่าผู้ชายเล็กน้อย
- ความดันโลหิตมีแนวโน้มสูงขึ้นตามอายุ
- โรคบางชนิด เช่น โรคหัวใจ โรคไตและโรคเบาหวาน อาจส่งผลต่อความดันโลหิตได้ในระยะยาว
นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ด้วยเช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การทานอาหารที่มีไขมันสูง การไม่ออกกำลังกายและความเครียด
ตารางแสดงระดับความดันโลหิต
ระดับความดันโลหิต | ความดันซีสโตลิก (mmHg) | ความดันไดแอสโตลิก (mmHg) |
ความดันโลหิตต่ำ (Hypotension) | น้อยกว่า 90 | น้อยกว่า 60 |
ความดันโลหิตปกติ (Normal) | 90-120 | 60-80 |
ความดันโลหิตสูงเล็กน้อย (Elevated) | 120-129 | น้อยกว่า 80 |
ความดันโลหิตสูงระยะที่ 1 (Hypertension Stage 1) | 130-139 | 80-89 |
ความดันโลหิตสูงระยะที่ 2 (Hypertension Stage 2) | 140 ขึ้นไป | 90 ขึ้นไป |
ความดันโลหิตสูงขั้นรุนแรง (Hypertensive Crisis) | มากกว่า 180 | มากกว่า 120 |
วิธีป้องกันตัวเองจากโรคความดัน
หากคุณมีความเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิต หรือมีอาการของโรคแล้ว การรักษาส่วนมากจะทำด้วยการรับประทานยาที่ช่วยควบคุมความดันให้อยู่ในอัตราปกติ นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารที่ควรรับประทานและหลีกเลี่ยงด้วย ได้แก่
อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคความดัน
- ควรรับประทานผักสีเขียวเข้ม รวมถึงผลไม้ที่มีเส้นใยสูง เช่น ผักบุ้ง ผักกาดขาว แอปเปิล กล้วยและส้ม
- ควรรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีโปรตีนสูงและมีไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลาและไก่
- เลือกกินไขมันดีให้มากขึ้น เช่น ไขมันจากปลาทะเลน้ำลึก
- ควรลดการกินอาหารที่มีเกลือสูง หรือมีการปรุงรสจัด
- ลดการกินอาหารที่มีน้ำตาลเยอะ รวมถึงอาหารประเภทแป้ง
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ความดันสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดได้ ด้วยการดูแลสุขภาพ ระวังเรื่องอาหารการกิน ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ นอกจากนี้ก็ยังควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อลความเสี่ยงการเกิดโรค และควรจัดการความเครียดอย่างถูกวิธี เพราะความเครียดเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตได้เช่นกัน รวมถึงการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพื่อเฝ้าระวังความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ ได้ตามช่วงอายุที่เหมาะสม
หากคุณกำลังมองหาประกันสุขภาพ ที่ครอบคลุม ราคาเมคเซนส์ ลองคลิกที่ ซันเดย์