เกิดเป็นผู้หญิงยุคใหม่ถึงจะแม้จะสตรองขนาดไหน แต่ผู้หญิงทุกคนต่างก็ทราบกันดีว่า ร่างกายของเรานั้นมีสรีระที่มีความอ่อนไหว ซึ่งต้องการความใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับ “อวัยวะสืบพันธุ์สตรี” ซึ่งเป็นจุดสำคัญของสาวๆ ที่นอกจากจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นประจำในทุกเดือนแล้ว ส่วนนี้ยังถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคหรือความผิดปกติจากหลาย ปัจจัยอีกด้วย
ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลทางสถิติการเคลมของบริษัท ซันเดย์ เกี่ยวกับสุขภาพเพศหญิง ในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา พบว่าสัดส่วนการเคลมโรคเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสืบพันธุ์สตรี มีรายละเอียดดังนี้
จะเห็นได้ว่าอาการ “เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่” นั้นมีอัตราการเคลมสูงเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาก็คืออาการผิดปกติของรังไข่ ท่อนำไข่ และมดลูก ถัดมาก็คืออาการเลือดออกผิดปกติจากมดลูกและช่องคลอด ส่วนอาการปวดที่เกี่ยวข้องกับประจำเดือนไม่ปกตินั้นมีสัดส่วนรองลงมา
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าอาการเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ถือเป็นหนึ่งปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อผู้หญิงค่อนข้างมาก ว่าแต่อาการนี้มีสาเหตุมาจากอะไร? ส่งผลต่อร่างกายของเรายังไง? และมีวิธีไหนที่จะช่วยรักษาได้บ้าง? ในครั้งนี้ซันเดย์จะมาไขข้อข้องใจให้ผู้หญิงทุกคนได้ทราบ และเตรียมพร้อมรับมือกันได้อย่างถูกต้อง
อาการเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) คืออะไร? อันตรายแค่ไหน?
อาการเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ อาจะเป็นชื่อทางการแพทย์ที่ไม่คุ้นหู แต่ถ้าบอกว่า ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate cyst) หลายคนน่าจะเคยได้ยินมาก่อนแน่นอน
โดยปกติแล้วสรีระภายในมดลูกซึ่งอยู่ในอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิงนั้น จะมีสิ่งที่เรียกว่า “เยื่อบุโพรงมดลูก” อยู่ภายใน ซึ่งจะหลุดร่อนออกมากลายเป็นประจำเดือนอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นการที่เยื่อบุโพรงมดลูกนั้นไปเติบโตอยู่กับตำแหน่งของอวัยวะอื่นๆ ที่ไม่ใช่มดลูก เช่น ไปเติบโตอยู่นอกโพรงมดลูก เยื่อบุช่องท้อง รังไข่ ผนังกระเพาะปัสสาวะ ฯลฯ ซึ่งเป็นส่วนที่เยื่อบุโพรงมดลูกกลายเป็นเลือดและไม่สามารถระบายออกไปได้ ก็จะเกิดการสะสมของเลือดจนทำให้เกิดเป็นพังผืด หรือสะสมจนก้อนเลือดโตขึ้นเป็นซีสต์สีแดงคล้ำหรือข้นคล้ายช็อกโกแลตนั่นเอง
สาเหตุของการเกิดอาการเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่
สำหรับสาเหตุของอาการเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่นั้น ในทางการแพทย์ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดแต่ส่วนใหญ่เชื่อว่าเกิดจากการไหลย้อนทางของประจำเดือน ผ่านท่อนำไข่เข้าไปฝังตัวอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ภายในช่องท้อง โดยมักจะตกไปอยู่กับอวัยวะแถวๆ อุ้งเชิงกรานซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ต่ำสุดของร่างกาย เช่น กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ และรอบนอกของมดลูก นอกจากนั้นยังมีการสันนิษฐานว่าเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูก อาจจะกระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่นในร่างกายผ่านทางหลอดเลือดและท่อน้ำเหลืองจนทำให้เกิดอาการได้
อาการของโรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ มีดังนี้
- มีอาการปวดประจำเดือนมาก และปวดนานกว่าปกติ
- ประจำเดือนมากะปริบกะปรอย หรือไม่มาเลย
- ปวดท้องน้อยเป็นประจำ ทั้งช่วงก่อน ระหว่าง และหลังมีประจำเดือน
- ปวดเสียดท้อง หรือมีอาการปวดมากเวลาขับถ่าย
- ปวดขณะมีหรือหลังมีเพศสัมพันธ์
- เกิดภาวะมีบุตรยาก
แล้วเราจะสามารถรักษาอาการเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ได้ด้วยวิธีไหนบ้าง?
อาการเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ถือเป็นหนึ่งในโรคเรื้อรัง ซึ่งต้องมีการวางแผนการรักษาอย่างเป็นระบบ โดยขึ้นกับ ความต้องการมีบุตร และ ความพึงพอใจของผู้ป่วยเป็นสำคัญ โดยมีวิธีรักษาหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยยาเพื่อลดอาการปวดประจำเดือนและปวดท้องน้อย การใช้ฮอร์โมนบำบัดเพื่อลดการมีเลือดประจำเดือนมาก หรือการผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery) ที่มีข้อดีที่ความเสี่ยงในการผ่าต่ำ ได้แผลน้อย และมีโอกาสเกิดผังผืดลดลง ทั้งนี้ จะเลือกรักษาด้วยวิธีไหน ก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการรวมถึงต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
เกิดอาการปวดประจำเดือนเป็นกังวลไม่สบายใจ ลองมาปรึกษาแพทย์ออนไลน์ได้ทุกเวลา
หากคุณเกิดปวดประจำเดือนยาวนานกว่าปกติ และไม่แน่ใจว่าอาการนี้เข้าข่ายอาการเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่หรือเปล่า หากคุณเป็นลูกค้าประกันสุขภาพกลุ่มของซันเดย์ ก็สามารถเลือกใช้บริการ ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ (Teleconsultation) ผ่านซูเปอร์แอปฯ Sunday Service เพื่อพูดคุยขอคำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวชโดยตรงได้ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปที่โรงพยาบาล ซึ่งเมื่อการขอรับปรึกษาเสร็จสิ้น คุณสามารถเลือกใช้บริการจัดส่งยาและรับยา (Drug delivery & pickup) ตามใบสั่งยาจากแพทย์ เพื่อรอรับยาอยู่ที่บ้านหรือที่ทำงานได้สะดวกสุดๆ ที่สำคัญก็คือบริการทั้งหมดนี้จะรองรับแผนความคุ้มครองผู้ป่วยนอก OPD ของคุณ ซึ่งไม่จำเป็นต้องสำรองจ่ายใดๆ หากอยู่ในเงื่อนไขความคุ้มครองอีกด้วย
เรียกได้ว่าอาการเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่อยู่คู่กับผู้หญิงอย่างเรามาตลอด ดังนั้นการหมั่นตรวจสุขภาพภายในเป็นประจำ และคอยสังเกตอาการปวดประจำเดือนว่ามีความผิดปกติใดๆ ในช่วงนั้นหรือไม่ รวมถึงการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ด้วยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและอาหารไขมันสูงในช่วงที่มีประจำเดือน นอกจากนั้นการพักผ่อนให้เพียงพอ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยบรรเทาอาการนี้ให้ดีขึ้นได้ เพื่อให้ผู้หญิงยุคใหม่อย่างเรามีสุขภาพที่แข็งแรง พร้อมจะก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นใจในอนาคต
ที่มาของข้อมูล :
คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
ภาควิชาสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
โรงพยาบาลสมิติเวช
โรงพยาบาล Bangkok Hospital
โรงพยาบาลธนบุรี
endometriosis new zealand