ใครที่มีรถยนต์ไฟฟ้า EV เป็นของตัวเอง หรือได้ลองขับมาบ้างแล้ว น่าจะรู้สึกว่ามีเสียงของเครื่องยนต์เมื่อกดคันเร่งออกรถไป ซึ่งฟังดูเผินๆ ก็อาจจะไม่ได้แตกต่างอะไรจากรถยนต์น้ำมันทั่วไปมากนัก ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่าทำไมเครื่องยนต์ของรถยนต์ไฟฟ้าถึงมีเสียงได้ ทั้งๆ ที่มันควรจะเงียบกริบ มาไขข้อสงสัยได้ในบทความนี้กัน
ทำไมรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีเสียงเครื่องยนต์?
ในรถยนต์ที่ใช้น้ำมันหรือไฮบริดทั่วๆ ไป จะมีเครื่องยนต์แบบสันดาปที่เป็นตัวเผาผลาญเชื้อเพลิงที่ใช้ในการเคลื่อนที่ ด้วยความร้อนกับพลังกลที่เกิดขึ้น ทำให้กระบอกสูบปล่อยเสียงออกมาได้ แต่ในรถยนต์ระบบไฟฟ้า EV ไม่มีเครื่องยนต์ประเภทดังกล่าว ทำให้เสียงเครื่องยนต์เงียบมากๆ
ถ้าเทียบแล้ว คือ พอๆ กับตู้เย็นภายในบ้าน หรือแค่คอมพิวเตอร์เท่านั้น โดยเฉพาะเวลาที่วิ่งด้วยความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะยิ่งทำให้เสียงเครื่องยนต์แทบจะเงียบหายไปเลย
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเลือกใส่เสียงเครื่องยนต์หลอกๆ มาไว้ในตัวรถยนต์แทน โดยมีเหตุผลอยู่หลากหลายประการเลยทีเดียว
ทำไมต้องใส่เสียงเครื่องยนต์ปลอมๆ ไว้ในรถยนต์ไฟฟ้า?
นอกจากคนในห้องโดยสารแทบจะไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์แล้ว ผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถ EV เหมือนกัน จนทำให้ในปีค.ศ. 2019 สหภาพยุโรปถึงกับต้องประกาศใช้กฎหมายกับรถยนต์ประเภทนี้ ว่าจะต้องมีความดังของเครื่องยนต์อย่างน้อย 56 เดซิเบล ที่ความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยหลากหลายเหตุผลดังนี้
1. เพื่อความปลอดภัย
จากข้อมูลที่ผ่านมา น่าจะพอเดากันได้แล้วว่าหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่รถยนต์ไฟฟ้าต้องมีเสียงเครื่องยนต์สังเคราะห์ใส่เข้ามาด้วยก็เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากเวลารถยนต์ไฟฟ้าวิ่งช้าๆ จะแทบไม่มีเสียงเลย ทำให้อาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ถนนได้ เมื่อใส่เสียงเครื่องยนต์เข้าไป ทำให้ผู้อื่นได้ยินเสียงได้ชัดเจนขึ้น และทำให้ช่วยลดอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้นั่นเอง
2. เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ดีเยี่ยม
หนึ่งในเหตุผลของการใส่เสียงสังเคราะห์ให้กับรถ EV คือ เพื่อเพิ่มประสบการณ์ขับขี่ให้ครบทุกมิติมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าคนขับรถยนต์และคนรักรถทั้งหลายเข้าใจดีว่าเสียงเครื่องยนต์เป็นหนึ่งในสิ่งที่ช่วยบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของรถยนต์รุ่นต่างๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นเสียงที่ทุกคนคุ้นเคยเมื่อใช้รถยนต์อยู่แล้ว เสียงที่ถูกใส่เข้ามาในรถ EV เหล่านี้ยังช่วยทำให้ผู้ขับขี่หลายๆ คนรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
3. บ่งบอกถึงตัวแบรนด์ที่โดดเด่น
รู้หรือไม่? ว่ารถยนต์ EV แต่ละยี่ห้อมีเสียงเครื่องยนต์ที่ใส่มาไม่เหมือนกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีสร้างคาแรคเตอร์และความโดดเด่นให้กับแบรนด์ต่างๆ แถมยังช่วยในด้านการตลาด
เช่น Rolls-Royce Spectre จะเลือกใส่เสียงสังเคราะห์ที่นุ่มหู พร้อมกับความแข็งแกร่งแต่ยังคงความหรูหราเอาไว้ และ รถ EV จาก Bentley จะมีเสียงเครื่องตามแบบฉบับของ Bentley โดยเฉพาะ เป็นต้น
อนาคตเสียงเครื่องยนต์ของรถ EV จะเป็นอย่างไร?
เมื่อเสียงเครื่องยนต์ที่ถูกใส่มากับรถไฟฟ้า EV เป็นเสียงที่ถูกตั้งค่าโดยระบบการทำงาน จึงทำให้มั่นใจได้เลยว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เหล่าผู้พัฒนาจะเริ่มเสริมฟังก์ชันที่ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกและปรับเปลี่ยนเสียงได้ตามประสบการณ์ที่ต้องการ โดยที่ยังคงความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้ใช้รถใช้ถนนเหมือนเดิม
ตอนนี้จะมี BMW IconicSounds Electric ที่กำลังถูกพูดถึงในวงกว้าง เพราะเป็นระบบเสียงรถยนต์ EV ที่ผู้ขับขี่สามารถกำหนดค่าระบบเสียงภายในห้องโดยสารได้อย่างอิสระตามประสบการณ์ที่ต้องการ แถมยังสามารถกำหนดลักษณะเสียงเครื่องยนต์ที่ได้ยินจากภายนอกได้หลากหลายแบบ ในอนาคต รถยนต์ไฟฟ้าหลายๆ แบรนด์น่าจะเริ่มเพิ่มลูกเล่นตรงนี้เข้ามา เพื่อส่งมอบประสบการณ์รอบด้านให้กับผู้ขับขี่อย่างเต็มที่ที่สุด
ใช้รถไฟฟ้า EV ปลอดภัย อย่าลืมใส่ใจการเลือกประกัน
ถึงแม้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่ช่วยทำให้การขับขี่สะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แต่การเลือกซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV ก็เป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ เพราะนอกจากจะช่วยทำให้อุ่นใจเมื่อเกิดปัญหาหรืออุบัติเหตุแล้ว ก็ยังช่วยทำให้อุ่นใจในด้านค่าซ่อมแซมด้วยเช่นกัน
หากคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่เหมาะสมกับการใช้งานเลือก ประกันรถยนต์ไฟฟ้าออนไลน์ Sunday เลย โดยคุณสามารถปรับแต่งความคุ้มครองและทุนประกันให้เหมาะสมกับการใช้งานได้อย่างลงตัว แถมยังมีบริการรับแจ้งเหตุตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านระบบ Live Streaming จบงานได้ใน 15 นาทีอีกด้วยนะ!