การเลือกซื้อประกันสุขภาพเอาไว้ เป็นหนึ่งในวิธีช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้เป็นอย่างดี นอกจากเรื่องของเบี้ยประกัน ความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ แล้ว ก็มีเรื่องระยะเวลารอคอยประกันสุขภาพที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้จักหรือมองข้ามไป ทำให้เกิดความสับสนเมื่อต้องการใช้สิทธิประกันเพื่อรักษาตัวหลังจากซื้อประกันสุขภาพไปแล้ว
วันนี้ซันเดย์จะมาไขข้อสงสัยกันในวันนี้ว่าระยะรอคอย (waiting period) คืออะไร ทำไมถึงต้องมีกำหนดเอาไว้ แล้วระยะรอคอยแต่ละช่วงเวลานั้น รวมถึงโรคอะไรบ้าง
ระยะเวลารอคอยประกันสุขภาพคืออะไร?
ระยะเวลารอคอยประกันสุขภาพคือช่วงเวลาที่ถูกกำหนดเอาไว้หลังจากซื้อประกัน ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้เอาประกันจะไม่สามารถเคลมประกันค่ารักษาได้ จนกว่าจะพ้นจากระยะเวลารอคอยที่กำหนดเอาไว้ โดยให้เริ่มนับระยะเวลารอคอยตั้งแต่วันที่อนุมัติกรมธรรม์ประกัน ทั้งนี้ระยะรอคอยของประกันภัยแต่ละบริษัทก็จะมีเงื่อนไขแตกต่างกันไป หากไม่มั่นใจ แนะนำว่าให้ถามพนักงานของบริษัทประกันภัยนั้นๆ ให้แน่ชัด จะได้ลดความสับสน รวมถึงจะได้รู้ว่าเราสามารถใช้สิทธิประกันสุขภาพได้เต็มที่ตั้งแต่ช่วงไหน
ทำไมต้องมีระยะเวลารอคอยในประกันสุขภาพ?
เหตุผลที่บริษัทประกันสุขภาพมักจะกำหนดระยะเวลารอคอยเอาไว้ ก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการเคลมประกันสุขภาพโดยที่มีอาการป่วยมาก่อนแล้ว (pre-existing condition) เนื่องจากการประกันสุขภาพนั้น จะสามารถสมัครได้ก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคร้ายแรงที่เคยตรวจพบ รวมถึงการผ่าตัดใหญ่ต่าง ๆ
ดังนั้น การกำหนดระยะรอคอยของประกันสุขภาพจึงมีไว้เพื่อช่วยคัดกรองผู้ที่มีสุขภาพดีในการสมัครและรับสิทธิประกันนั่นเอง
ระยะเวลารอคอยในประกันสุขภาพ มีกี่แบบ?
ระยะเวลารอคอยที่เกิดขึ้นหลังจากกรมธรรม์ประกันสุขภาพได้รับอนุมัติ จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระยะเวลาด้วยกัน ตามความรุนแรงของโรคได้แก่ 30 วัน 90 วันและ 120 วัน
ระยะเวลารอคอย 30 วันมีโรคอะไรบ้าง?
โดยมากแล้ว สำหรับระยะรอคอยที่เป็นเวลา 30 วัน จะถูกกำหนดใช้กับโรคทั่วไปที่ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงเรื้อรัง ได้แก่ อาการป่วยจากโรคทั่วไปที่ต้องนอนในโรงพยาบาล (IPD) และอาการป่วยทั่วไปที่รับยาแล้วกลับบ้าน (OPD) นั่นหมายความว่า หลังจากกรมธรรม์สุขภาพได้รับการอนุมัติแล้ว นับไปอีก 30 วัน ผู้เอาประกันจึงจะสามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลได้
สำหรับประกันซันเดย์ เรามีระยะรอคอย 30 วันเช่นกัน ซึ่งหากเป็นผู้ป่วยใน (การเจ็บป่วยที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล) จะไม่คุ้มครองใน 30 วันแรก แต่หากเจ็บป่วยเล็กน้อยที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล หรือที่เรียกว่าเป็นผู้ป่วยนอก (OPD) ซันเดย์คุ้มครองทันที! เพียงแต่ผู้เอาประกันจะต้องสำรองจ่ายไปก่อน และนำหลักฐานมายื่นขอเคลมเงินคืนผ่านซูเปอร์แอปฯ Jolly by Sunday ในภายหลัง ซึ่งหากผ่านระยะรอคอย 30 วันแรกไปแล้ว สามารถเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลหรือคลินิกในเครือได้ โดยไม่ต้องสำรองจ่าย
ระยะเวลารอคอย 90 วันมีโรคอะไรบ้าง?
ระยะเวลารอคอย 90 วัน โดยส่วนมาก จะเป็นระยะเวลารอคอยที่ถูกกำหนดใช้กับประกันภัยเฉพาะโรคร้ายแรง เช่น ประกันในกลุ่มโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคสมอง โรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เป็นต้น
หลังจากกรมธรรม์ได้รับการอนุมัติแล้วเป็นเวลา 90 วัน หากผู้เอาประกันตรวจพบโรคร้ายแรงเหล่านี้ ก็จะได้รับความคุ้มครองในด้านการรักษาตามที่กรมธรรม์กำหนดเอาไว้
ระยะเวลารอคอย 120 วันมีโรคอะไรบ้าง?
ระยะเวลารอคอย 120 วัน ส่วนมากจะเป็นระยะรอคอยของโรคร้ายแรงเรื้อรังที่มากับประกันสุขภาพทั่วไปที่คุ้มครองทั้งโรคทั่วไป คุ้มครองอุบัติเหตุ และโรคร้าย ซึ่งจะต่างกันกับระยะรอคอย 90 วัน ที่มักจะถูกใช้กับประกันสุขภาพเฉพาะโรคร้าย เช่น ประกันมะเร็ง
ยกตัวอย่างเช่น ประกันซันเดย์ จะไม่คุ้มครองการเจ็บป่วย เนื้องอก ถุงน้ำ หรือมะเร็งทุกชนิด ริดสีดวงทวร ไส้เลื่อนทุกชนิด ต้อเนื้อหรือต้อกระจก การตัดทอนซิล หรืออดีนอยด์ นิ่วทุกชนิด เส้นเลือดขอดที่ขา เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ที่เกิดขึ้นในระยะเวลา 120 วันแรก ซึ่งหากพ้นระยะรอคอย หรือ waiting period แล้ว ก็สามารถรับสิทธิการรักษาตามเงื่อนไขกรมธรรม์ได้ตามปกติ
ถ้าป่วยก่อนหมดระยะเวลารอคอย จะเกิดอะไรขึ้น?
โดยมากแล้ว หากมีอาการป่วยก่อนหมดระยะรอคอย ผู้เอาประกันจะไม่สามารถเคลมค่ารักษาจากกรมธรรม์ได้ หากเจ็บป่วยเล็กน้อย ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ค่ารักษาก็อาจจะไม่แพงมาก แต่หากต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหลายคืน ก็อาจจะต้องรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลและค่าห้องพิเศษด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นจึงควรจะรีบซื้อประกันสุขภาพเพื่อคุ้มครองตัวเองไว้โดยเร็ว อย่าปล่อยให้ร่างกายอ่อนแอ มีอายุมาก หรือมีอาการเจ็บป่วยก่อนค่อยซื้อประกันสุขภาพ
ท้ายที่สุดแล้ว หากเกิดอาการป่วยก่อนหมดระยะเวลารอคอย แล้วรู้สึกว่าไม่พอใจกับสิทธิความคุ้มครองต่าง ๆ ผู้เอาประกันก็สามารถยกเลิกกรมธรรม์ได้ตามต้องการ
วิธีเลือกประกันสุขภาพให้เหมาะกับตัวเอง?
รู้จักกับระยะเวลารอคอยของประกันสุขภาพไปแล้ว หากใครกำลังมองหาประกันสุขภาพ ก็อย่าลืมมองถึงสิ่งเหล่านี้ด้วยนะ จะได้เลือกซื้อประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับตัวเองได้ดีที่สุด
- เลือกเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับการใช้จ่าย ไม่ลำบากตัวเองจนเกินไป เพราะเบี้ยประกันเหล่านี้จะต้องจ่ายเป็นระยะยาว กรมธรรม์บางประเภทจะมีสิทธิพิเศษให้กับผู้ที่จ่ายเบี้ยประกันติดต่อกันหลายปี หากเลือกประกันที่มีเบี้ยสูงไป อาจจะทำให้ไม่ได้สิทธิในส่วนนี้ได้
- เลือกจากเครือข่ายสถานพยาบาล ทุกๆ กรมธรรม์มักจะมีกำหนดเครือข่ายสถานพยาบาลเอาไว้ว่าเราสามารถเข้าไปใช้สิทธิในการรักษาที่ไหนได้บ้าง ดังนั้นอย่าลืมดูให้ดีว่าสามารถใช้สิทธิได้อย่างสะดวก มีสถานพยาบาลจำนวนมากหรือไม่
- เลือกจากความเสี่ยงด้านสุขภาพของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นประวัติอาการป่วยของบุคคลในครอบครัว ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตและสิ่งที่เป็นกังวล จะได้มองหาประกันสุขภาพที่ตรงกับความต้องการ
- สิทธิคุ้มครองของกรมธรรม์ รวมถึงค่ารักษาที่สามารถเบิกจ่ายได้ต่อครั้ง หากเราเป็นคนที่ไม่ค่อยป่วย หรือส่วนมากแค่รับยาแล้วกลับบ้าน การเลือกค่ารักษาที่เคลมได้ไม่สูงมาก ก็จะช่วยประหยัดค่าเบี้ยได้ แต่ถ้ากลัวว่าจะต้องแอดมิท หรืออาจจะมีอาการป่วยบ่อย อาจจะเลือกประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายแทน
หากใครเป็นมือใหม่ อยากศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม แนะนำอ่านบทความ “ซื้อประกันสุขภาพครั้งแรกต้องดูอะไรบ้าง วางแผนอย่างไรดี?”
ซันเดย์หวังว่าทุกคนจะได้ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับระยะเวลารอคอย รวมถึงวิธีเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะสม ใครที่กำลังมองหาประกันสุขภาพดีๆ อยู่ สามารถเข้ามาเปรียบเทียบเบี้ยประกันและความคุ้มครองบนเว็บไซต์กันได้เลย