หน้าหลัก รู้ทันประกันสุขภาพ สรุปครบ! ประกัน Co-payment คืออะไร เริ่มเมื่อไหร่?

สรุปครบ! ประกัน Co-payment คืออะไร เริ่มเมื่อไหร่?

Co-payment

ประกัน Co-payment คืออะไร เริ่มเมื่อไหร่กันแน่? 

เงื่อนไข Co-payment กลับมาเป็นที่พูดถึงในประเทศไทยอีกครั้ง เนื่องจากในช่วงปลายปีพ.ศ. 2567 ที่ผ่านมาได้มีประกาศว่าจะมีการบังคับใช้เงื่อนไขนี้กับประกันชีวิตในเดือนมีนาคม ปีพ.ศ. 2568 เหมือนที่ประกาศบังคับใช้กับประกันวินาศภัยเมื่อปีพ.ศ 2566 เพื่อให้ภาคธุรกิจประกันภัยสามารถดำเนินการได้ด้วยมาตรฐานเดียวกัน

โดยจะเป็นเงื่อนไข Co-payment ที่ประกาศบังคับกับประกันชีวิตใช้รอบนี้ จะเป็นเงื่อนไขสำหรับปีต่ออายุกรมธรรม์ ทำให้มีการพิจารณาเป็นแบบปีต่อปี ซึ่งจะแตกต่างจากเงื่อนไข Co-payment ที่มีการบังคับใช้ตั้งแต่ปีแรก

แล้วประกัน Co-payment คืออะไร เริ่มเมื่อไหร่ มีเรื่องอะไรที่ผู้เอาประกันต้องทำความเข้าใจบ้าง มาอัปเดตในบทความนี้ไปพร้อมกันได้เลย

Co-payment คืออะไร?

Co-payment หรือ ที่หลายคนเรียกสั้นๆ ว่า Co-pay หรือ โคเพย์ คือ ค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งที่ผู้เอาประกันจะต้องจ่ายร่วมกันบริษัทประกันภัย โดยค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) จากค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้น

เช่น หากในกรมธรรม์กำหนดเงื่อนไขให้มี Co-payment จำนวน 30% เท่ากับว่า หากมีค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด 200,000 บาท ผู้เอาประกันจะต้องร่วมจ่าย 200,000 x 30% = 60,000 บาท และบริษัทประกันจะให้ความคุ้มครอง 140,000 บาท ในวงเงินที่เข้าเงื่อนไขความคุ้มครอง หรือ เป็นไปตามที่บริษัทประกันแต่ละแห่งกำหนด

Co-payment ต่างจาก Deductible อย่างไร?

เมื่อจำเป็นต้องร่วมจ่ายเหมือนกัน เชื่อว่าคงมีใครหลายคนสงสัยเหมือนกันว่า เงื่อนไข Co-payment นั้นมีความแตกต่างจาก Deductible อย่างไรบ้าง

คำตอบ คือ เงื่อนไข Co-payment นั้นจะมีการกำหนดการร่วมจ่ายเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะคิดจากค่ารักษาพยาบาล ในขณะที่เงื่อนไขการรับผิดส่วนแรก หรือ Deductible คือสิ่งที่ผู้ถือกรมธรรม์ประกันประเภทต่างๆ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบด้วยตัวเองก่อนที่จะเกิดความคุ้มครองจากประกันที่ตัวเองถือ ซึ่งจะมีการกำหนดจำนวนเงินในการร่วมจ่ายที่ชัดเจน

Co-payment และ Deductible คิดต่างกันอย่างไร?

ลองมาดูตัวอย่างการคิดความคุ้มครอง Co-payment และ Deductible แบบเข้าใจง่ายๆ กัน

โดยหากน้องซันเดย์มีประกันสุขภาพแบบ Deductible จำนวน 30,000 บาท และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเกิดขึ้น 100,000 บาท เท่ากับว่า น้องซันเดย์จะต้องจ่าย 30,000 บาท เนื่องจากมีการกำหนดค่ารับผิดส่วนแรก หรือ Deductible ไว้ที่ 30,000 บาท และบริษัทประกันจะให้ความคุ้มครอง 70,000 บาท

แต่หากน้องซันเดย์มีประกันสุขภาพแบบ Co-payment โดยกำหนดให้ร่วมจ่าย 20% ซึ่งหากมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเกิดขึ้น 100,000 บาท เท่ากับว่า น้องซันเดย์จะต้องร่วมจ่าย 100,000 x 20% = 20,000 บาท และบริษัทประกันจะให้ความคุ้มครอง 80,000 บาทนั่นเอง

ทำไมถึงมีการบังคับใช้ Co-payment?

เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้ หลายๆ คนคงสงสัยว่า ทำไมบริษัทประกันภัยถึงออกเงื่อนไข Co-payment ออกมาให้ผู้เอาประกันร่วมจ่าย 

โดยจริงๆ แล้ว Co-payment นั้นเป็นเงื่อนไขที่มาพร้อมกับมาตรฐานประกันสุขภาพใหม่ หรือ New Health Standard ที่ออกมาเพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ (Medical Inflation) ที่พุ่งสูงเฉลี่ย 8% – 15% ต่อปี รวมไปถึงการเคลมประกันสุขภาพที่เกินความจำเป็นทางการแพทย์ ที่ส่งผลให้เบี้ยประกันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

ด้วยเหตุนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จึงออกข้อบังคับใหม่ที่จะนำประกันสุขภาพแบบมีส่วนร่วมจ่าย (Co-payment) ออกมาใช้ เพื่อรับมือกับค่ารักษาพยาบาลและเบี้ยประกันสุขภาพที่สูงขึ้น

โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ประกาศให้บริษัทประกันวินาศภัย และ บริษัทประกันชีวิต สามารถพิจารณาใช้เงื่อนไข Co-payment ได้ตามเงื่อนไขที่บริษัทแต่ละแห่งกำหนด 

แต่สำหรับประกาศในเดือนมีนาคม ปีพ.ศ. 2568 นี้ จะเป็นการบังคับใช้เงื่อนไข Co-payment กับบริษัทประกันชีวิตในปีต่ออายุ ซึ่งบริษัทประกันชีวิตสามารถพิจารณาสัดส่วน Co-payment กับกรมธรรม์ที่มียอดเคลมตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยจะมีการพิจารณาปรับใช้ Co-payment แบบปีต่อปี

ส่วนบริษัทประกันวินาศภัย หรือ ประกันสุขภาพ ได้มีการประกาศใช้ Co-payment มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2566 แล้ว แต่เงื่อนไขการปรับใช้จะขึ้นอยู่กับทางบริษัทประกันภัยแต่ละแห่ง ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งแบบถาวรที่กำหนดใช้ตั้งแต่ปีกรมธรรม์แรก หรือ พิจารณาแบบปีต่อปี

การเข้าเงื่อนไขประกัน Co-payment มีทั้งหมดกี่แบบ?

เกณฑ์การพิจารณาเข้าเงื่อนไขประกัน Co-payment จะแบ่งออกเป็น 3 เกณฑ์หลัก ซึ่งจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้

เกณฑ์ที่ 1: กรณีเจ็บป่วยเล็กน้อย (Simple Diseases)

กรณีนี้ ผู้เอาประกันจะต้องร่วมจ่าย Co-payment จำนวน 30% จากทุกค่ารักษาพยาบาล เมื่อมีการเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยใน (IPD) หรือ นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลจากโรคที่ไม่รุนแรง ที่มีการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้ง และ อัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 200% ของเบี้ยประกันสุขภาพ ด้วยกรณีการเจ็บป่วยเล็กน้อย (Simple Diseases)

โดยการเจ็บป่วยเล็กน้อย หรือ Simple Diseases จะประกอบไปด้วย

  • ไข้หวัดใหญ่
  • โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน 
  • ท้องเสีย 
  • เวียนศีรษะ
  • เป็นไข้ไม่ระบุสาเหตุ
  • ปวดหัว
  • กล้ามเนื้ออักเสบ
  • ภูมิแพ้ 
  • กระเพาะอาหารอักเสบ 
  • กรดไหลย้อน 
  • โควิดกลุ่มอาการสีเขียว
  • โรคอื่นๆ ที่เป็นไปตามเงื่อนไขการพิจารณาของบริษัทประกันภัย
Simple Diseases

เกณฑ์ที่ 2: กรณีเจ็บป่วยด้วยโรคทั่วไป แต่ไม่รวมโรคร้ายแรงและการผ่าตัดใหญ่

กรณีนี้ ผู้เอาประกันจะต้องร่วมจ่าย Co-payment จำนวน 30% เมื่อมีการเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยใน (IPD) หรือ นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยโรคทั่วไป ที่มีการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้ง และ อัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 400% ของเบี้ยประกันสุขภาพ ด้วยกรณีการเจ็บป่วยทั่วไป แต่ไม่รวมโรคร้ายแรงและการผ่าตัดใหญ่ หรือ โรคที่เป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทประกันกำหนด

โดย 50 โรคร้ายแรงและการผ่าตัดใหญ่ที่ไม่เข้าร่วมเงื่อนไข Co-payment จะมีดังนี้

  • โรคสมองเสื่อมชนิดอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease)
  • โรคโลหิตจางจากไขกระดูกไม่สร้างเม็ดโลหิต (Aplastic Anemia)
  • โรคเยื่อหุ้มสมองและไขสันหลังอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial meningitis)
  • เนื้องอกในสมองชนิดที่ไม่ใช่มะเร็ง (Benign brain tumor)
  • ตาบอด (Blindness)
  • โรคมะเร็งระยะลุกลาม (Invasive Cancer)
  • โรคกล้ามเนื้อหัวใจ (Cardiomyopathy)
  • ตับวาย (Chronic Liver Disease / End-stage Liver disease / Liver failure)
  • โรคหลอดลมปอดอุดกั้นเรื้อรังขั้นรุนแรง / โรคปอดระยะสุดท้าย (Severe Chronic Obstructive Pulmonary Disease / End-stage Lung disease)
  • ภาวะโคม่า (Coma)
  • โรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่รักษาด้วยการสวนหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease requiring Angioplasty)
  • การผ่าตัดเส้นเลือดเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ (Coronary Artery By-pass Surgery)
  • กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากการขาดเลือด (Acute Heart Attack)
  • การผ่าตัดลิ้นหัวใจโดยวิธีการเปิดหัวใจ (Open Heart Surgery for the Heart Valve)
  • ไตวายเรื้อรัง (Chronic Kidney Failure)
  • การสูญเสียการได้ยิน (Loss of Hearing)
  • การสูญเสียการดำรงชีพอย่างอิสระ (Loss of independent living)
  • การทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (Total and permanent disability – TPD)
  • การสูญเสียความสามารถในการพูด (Loss of speech)
  • แผลไหม้ฉกรรจ์ (Major burn)
  • การบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง (Major Head Trauma)
  • การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ หรือปลูกถ่ายไขกระดูก (Major Organs Transplantation or Bone Marrow Transplantation)
  • โรคของเซลล์ประสาทควบคุมการเคลื่อนไหว (Motor Neuron Disease)
  • โรคระบบประสาทมัลติเพิล สะเคลอโรสิส (Multiple Sclerosis)
  • โรคกล้ามเนื้อเสื่อม (Muscular Dystrophy)
  • โรคไวรัสตับอักเสบขั้นรุนแรง (Fulminant Viral Hepatitis)
  • โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (Other serious Coronary Artery Diseases)
  • อัมพาตของกล้ามเนื้อแขนหรือขา (Paralysis)
  • โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease)
  • โรคแรงดันในหลอดเลือดแดงปอดสูงแบบปฐมภูมิ (Primary Pulmonary Arterial Hypertension)
  • ภาวะข้ออักเสบรูมาตอยด์ ชนิดรุนแรง (Severe Rheumatoid Arthritis)
  • โรคหลอดเลือดสมองแตก หรืออุดตัน (Major Stroke)
  • การผ่าตัดเส้นเลือดแดงใหญ่เอออร์ต้า (Surgery to Aorta)
  • ไตอักเสบลูปูส จากโรคซิสเต็มมิค ลูปูส อิริเธมาโตซูส (Lupus Nephritis from Systemic Lupus Erythematosus)
  • สมองอักเสบจากเชื้อไวรัส (Viral Encephalitis)
  • ภาวะอะแพลลิก (Apallic Syndrome หรือ Vegetative State)
  • โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองที่ต้องรักษาโดยการผ่าตัด (Cerebral Aneurysm Requiring Brain Surgery)
  • โรคหลอดเลือดสมองที่ต้องได้รับการผ่าตัดลอกหลอดเลือดแดงคาโรติด (Stroke Requiring Carotid Endarterectomy Surgery)
  • การฉีกขาดของรากประสาทต้นแขน (Multiple root avulsions of Brachial Plexus)
  • โรคโปลิโอ (Poliomyelitis)
  • การผ่าตัดกระดูกสันหลังคดที่ไม่ทราบสาเหตุ (Surgery for Idiopathic Scoliosis)
  • ภาวะตับอ่อนอักเสบที่กลับเป็นซ้ำและเรื้อรัง (Chronic Relapsing Pancreatitis)
  • โรคเท้าช้าง (Elephantiasis)
  • โรคถุงน้ำในไต (Medullary Cystic Disease)
  • โรคเนื้อเยื่อพังผืดอักเสบติดเชื้อและเป็นเนื้อตาย (Necrotizing Fasciitis and Gangrene)
  • โรคหนังแข็งชนิดลุกลาม (Progressive Scleroderma or Diffuse systemic sclerosis/scleroderma)
  • โรคลำไส้อักเสบเป็นแผลรุนแรง (Severe Ulcerative Colitis or Crohn’s Disease)
  • โรคมะเร็งระยะไม่ลุกลาม (Non-invasive cancer / Carcinoma in Situ)
  • โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองที่รักษาโดยใช้ขดลวดผ่านสายสวนทางหลอดเลือด (Cerebral Aneurysm Treatment by Endovascular Coiling)
  • โรคหลอดเลือดสมองที่ได้รับการรักษาโดยวิธีใส่สายสวนเส้นเลือดแดงบริเวณคอ (Stroke Treatment by Carotid Angioplasty and Stent Placement)

โรคร้ายแรงและการผ่าตัดใหญ่ที่ไม่เข้า Co-payment

50 โรคร้ายแรงและการผ่าตัดใหญ่ที่ไม่เข้าร่วม Co-Payment

เกณฑ์ที่ 3: การเคลมเข้าข่ายเกณฑ์ที่ 1 และ 2

กรณีนี้ ผู้เอาประกันจะต้องร่วมจ่าย Co-payment จำนวน 50% เมื่อมีการเข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยใน (IPD) ที่มีการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้ง และ อัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 400% ของเบี้ยประกันสุขภาพ ด้วยกรณีเจ็บป่วยเล็กน้อยและกรณีเจ็บป่วยทั่วไป

เช่น หากน้องซันเดย์จ่ายเบี้ยประกันสุขภาพปีละ 30,000 บาท มีการเคลมค่ารักษาพยาบาล 7 ครั้งในปีกรมธรรม์ปัจจุบัน และมีอัตราเคลมรวมอยู่ที่ 150,000 บาท หรือคิดเป็น 500% ของเบี้ยประกัน เท่ากับว่า ปีหน้าน้องซันเดย์จะต้องร่วมจ่าย Co-payment จำนวน 50% ในปีกรมธรรม์ต่อไป

สรุปเงื่อนไข Co-payment คืออะไร?

แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้น การบังคับใช้ Co-payment ยังคงเป็นไปตามการพิจารณาตามเงื่อนไขของบริษัทประกันภัยแต่ละแห่ง โดยผู้เอาประกันสามารถศึกษาเงื่อนไขความคุ้มครองในส่วนนี้ได้ที่สลักหลังกรมธรรม์ของบริษัทประกันที่สนใจ

รู้แบบนี้แล้ว เมื่อรู้ถึงเงื่อนไข Co-payment แล้ว ไม่ว่าจะทำประกันสุขภาพแบบเดียว หรือประกันสุขภาพพ่วงประกันชีวิต อย่าลืมสอบถามไปยังบริษัทประกันที่สนใจเพื่อรับทราบเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันด้วย 

อ้างอิงข้อมูลจาก

วารสารการเงินการธนาคารออนไลน์ https://moneyandbanking.co.th/2025/147959/  

สมาคมประกันชีวิตไทย https://ezsun.co/AlR5XpP  


Share this article
Shareable URL
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

ประกันสุขภาพ Top Up ขยายความคุ้มครองเมื่อสวัสดิการไม่เพียงพอ

สวัสดิการคุ้มครองไม่พอ อยากได้ประกันเสริม ต้องวางแผนอย่างไร? การซื้อประกันเสริม หรือ ประกันสุขภาพ Top Up…
what is topup health insurance

ประกันสุขภาพ IPD คืออะไร เลือกคุ้มครอง IPD อย่างเดียวได้หรือไม่?

ด้วยความคุ้มค่าของเบี้ยประกัน ทั้งยังมาพร้อมกับความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ในเรื่องของการรักษาตัวในโรงพยาบาล…
ประกัน IPD

คนไทยป่วย OPD โรคอะไรมากที่สุด รักษาอะไรบ้างที่ผ่านมา?

การรักษาแบบ OPD คืออะไร คนไทยป่วยด้วย OPD ด้วยโรคอะไรมากที่สุด? การรักษาแบบ OPD หรือ Out-Patient Department คือ…
5 โรคแบบ OPD

ครบที่เดียว! สรุปสาเหตุ + อาการของวัยทองในผู้หญิงและผู้ชาย

สูงวัยเช็กด่วน! รวมสาเหตุและอาการของวัยทองในผู้หญิงและผู้ชาย เมื่อเวลาเปลี่ยนไป…
menopause-in-men-and-women
0
Share