Second Opinion หรือ การขอความเห็นที่สองทางการแพทย์ คือ กระบวนการที่ผู้ป่วยขอให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนที่สองให้คำปรึกษา ตรวจสอบ และให้ความเห็นเกี่ยวกับการวินิจฉัยโรค หรือแผนการรักษาที่ได้รับจากแพทย์คนแรก
โดยการขอ Second Opinion ถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่มีความสำคัญในการรักษาโรคร้ายแรง การเจ็บป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาลหรือผ่าตัด รวมถึงการเจ็บป่วยที่มีค่ารักษาพยาบาลสูง ทั้งนี้เพื่อช่วยให้แน่ใจว่าการตัดสินใจทางการแพทย์นั้นถูกต้องและเหมาะสมที่สุดกับสภาวะของผู้ป่วย
ในหลายกรณี โดยเฉพาะโรคมะเร็ง หรือ โรคหัวใจที่ซับซ้อน การได้รับ Second Opinion สามารถช่วยให้ผู้ป่วยยืนยันความถูกต้องของการวินิจฉัย ทั้งยังสามารถหลีกเลี่ยงการรักษาที่ไม่จำเป็นได้
แล้ว Second Opinon คืออะไร ควรปรึกษาแพทย์ในกรณีที่เจ็บป่วยเป็นโรคอะไรบ้าง มาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้เลย
สรุปเนื้อหาสำคัญ:
Second Opinion คืออะไร?

Second Opinion คือ การขอความเห็นที่สองทางการแพทย์จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านอื่น เพื่อยืนยันความถูกต้องของการวินิจฉัย หรือ แผนการรักษาที่ได้รับจากแพทย์คนแรก โดยการได้รับ Second Opinion ถือเป็นสิทธิของผู้ป่วย (Patient’s Right) และเป็นมาตรฐานการดูแลสุขภาพในหลายประเทศทั่วโลกที่ช่วยลดข้อผิดพลาดทางการแพทย์ได้ (Medical Error)
อย่างไรก็ดี จุดประสงค์ของการขอ Second Opinion ไม่ใช่การ “จับผิด” แพทย์ แต่เป็นการใช้หลักฐานทางการแพทย์และข้อมูลผู้ป่วยชุดเดียวกัน เพื่อหามุมมองอื่นๆ ที่สามารถช่วยยืนยันการวินิจฉัย ประเมินความจำเป็นทางแพทย์ ทั้งยังช่วยให้ผู้ป่วยมองเห็นและตัดสินใจเลือกแนวทางเลือกการรักษาอื่นๆ เพิ่มเติมที่ช่วยเพิ่มโอกาสที่การรักษาจะประสบความสำเร็จด้วย
โดยส่วนใหญ่แล้ว ระยะเวลาการปรึกษาและขอ Second Opinion จะขึ้นอยู่กับการนัดหมายของแพทย์ท่านที่ 2 และความซับซ้อนของโรค ซึ่งโดยทั่วไปอาจใช้เวลา 1-4 สัปดาห์ หรือ หากเป็นโรคร้ายแรงที่มีความจำเป็นเร่งด่วน อาจใช้เวลาน้อยกว่านั้น
Second Opinion ใช้ในกรณีไหนบ้าง?
โดยทั่วไปแล้ว Second Opinion จะถูกใช้ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยเผชิญกับการวินิจฉัยโรคร้ายแรง โรคซับซ้อนที่หายาก หรือ เมื่อแผนการรักษามีความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่สูงมาก
การขอความเห็นที่สองจากแพทย์ท่านอื่นๆ จะสามารถช่วยให้ผู้ป่วยตัดสินใจเข้ารับการรักษาที่เหมาะสม ตลอดจนเข้าใจความเสี่ยงในการรักษาพยาบาลในหลายๆ แง่มุมที่อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อคุณภาพชีวิต รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาได้
โดยเบื้องต้นแล้ว การเจ็บป่วยที่ควรขอ Second Opinion จะประกอบไปด้วยโรคต่างๆ ดังนี้
- โรคมะเร็ง โรคร้ายแรง และโรคที่มีผลต่อชีวิตในระยะยาว
- การผ่าตัดใหญ่ที่ไม่เร่งด่วน เช่น เนื้องอก การผ่าตัดหัวใจ กระดูกสันหลัง สมอง หรือ อวัยวะสำคัญ
- โรคหายาก (Rare Diseases) ที่มีอัตราการเกิดน้อยมาก
- โรคที่มีความซับซ้อนในการรักษาพยาบาล
- การเจ็บป่วยที่ค่ารักษาพยาบาลสูงมาก
- สภาวะที่การเจ็บป่วยไม่ดีขึ้นหลังจากได้รับการรักษาพยาบาลไปแล้ว
อย่างไรก็ดี หากเป็นการเจ็บป่วยที่ต้องรับการรักษาเร่งด่วน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิต หรือ เป็นการเจ็บป่วยที่ต้องรับการรักษาในทันทีเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ ในกรณีนี้แนะนำให้เข้ารับการรักษาตามดุลยพินิจของแพทย์ทันที
4 ขั้นตอนเตรียมตัวขอ Second Opinion
- เตรียมเอกสารทั้งหมดให้พร้อม เช่น ประวัติการรักษาทั้งหมด รายการยาที่ใช้ปัจจุบัน ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคและการรักษา ผลการตรวจแล็ป (Lab Results) ฟิล์ม (Imaging Scans) และรายงานการวินิจฉัยจากแพทย์ หรือ จดหมายสรุปอาการหรือข้อมูลจากแพทย์คนที่ 1
- เลือกแพทย์และสถานพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรงในสาขาโรคที่เป็น
- เตรียมคำถาม ไม่ว่าจะเป็นทางเลือกการรักษา ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อให้การปรึกษามีประสิทธิภาพมากที่สุด
- ใช้วิจารณญาณในการปรึกษา เปิดใจรับฟังข้อมูลและแนวทางการรักษาจากแพทย์หลายท่านอย่างเป็นกลาง อย่าตั้งธงไว้ล่วงหน้า หรือ อย่าพยายามหาทางจับผิดแพทย์คนที่ 1 เพราะการขอ Second Opinion มีจุดประสงค์เพื่อยืนยันการเจ็บป่วยและหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมมากที่สุด
หมอวินิจฉัยไม่ตรงกัน ควรทำอย่างไร?

หากแพทย์คนที่ 1 และ แพทย์คนที่ 2 วินิจฉัย หรือ เสนอแผนการรักษาไม่ตรงกัน ผู้ป่วยควรพิจารณาขอ Third Opinion หรือก็คือ การปรึกษาแพทย์คนที่ 3 เพื่อเป็นข้อมูลในการยืนยันและเปรียบเทียบหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมมากที่สุด
โดยการขอ Third Opinion คือ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนที่ 3 ที่อาจมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางสูงกว่า เพื่อทำหน้าที่เป็น “กรรมการ” หรือ “ผู้ให้ข้อมูลยืนยัน” ที่ให้ข้อมูลที่เป็นกลางที่สุด โดยพิจารณาจากแนวทางการรักษาที่เป็นมาตรฐานสากล
ด้วยเหตุนี้ หากจำเป็นต้องขอ Third Opinion ผู้ป่วยจึงควรเลือกแพทย์ที่ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลรักษาผู้ป่วยมาก่อน และ ควรเลือกผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในสาขานั้นๆ โดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุด
เช่น หากตรวจพบเนื้องอกในร่างกาย แต่แพทย์คนที่ 1 บอกว่าเป็นมะเร็งระยะสอง ต้องผ่าตัดทันที ในขณะที่แพทย์คนที่ 2 ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งระยะที่ 1 และแนะนำการฉายรังสีบำบัด จนทำให้ผู้ป่วยเกิดความสับสน ในกรณีแบบนี้ควรปรึกษาแพทย์คนที่ 3 หรือขอ Third Opinion เพื่อยืนยันข้อมูล รวมถึงเปรียบเทียบแนวทางการรักษาที่เหมาะสมและถูกต้องจริงๆ นั่นเอง
ประกันสุขภาพคุ้มครองการขอ Second Opinion หรือไม่?
โดยเบื้องต้น การขอ Second Opinion จะได้รับการคุ้มครองภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์ประกันสุขภาพในส่วน “ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก” ในกรณีที่ขอตรวจร่างกายตามความเห็นแพทย์ หรือ “ค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน” หากการตรวจรักษานำไปสู่การรักษาที่ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี บริษัทประกันภัยแต่ละแห่งจะมีข้อกำหนดในส่วนความคุ้มครองกรณีขอ Second Opinion รวมถึงการอนุมัติการรักษาพยาบาลจากการขอ Second Opinion ที่แตกต่างกันออกไป ด้วยเหตุนี้จึงขอแนะนำให้ผู้เอาประกันตรวจสอบสิทธิ์และวงเงินคุ้มครองสำหรับการขอ Second Opinion กับบริษัทประกันด้วย
จะเห็นได้ว่า การขอ Second Opinion นั้นมีความสำคัญสำหรับการรักษาพยาบาลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะโรคร้ายแรง โรคที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตในระยะยาว รวมถึงการรักษาพยาบาลที่มีค่าใช้จ่ายและความซับซ้อนสูง
แต่นอกจากจะเข้าใจการขอ Second Opinion ตลอดจนรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อรับมือการเจ็บป่วยอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว การทำประกันสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยสร้างความอุ่นใจทางการเงินในยามเจ็บป่วย ทั้งยังเป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงทางการเงินที่มาพร้อมกับค่ารักษาพยาบาลเช่นกัน
ซันเดย์ มาพร้อมกับประกันสุขภาพเหมาจ่ายออนไลน์ และ ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง “เจอ จ่าย จริง” ให้คุณได้มั่นใจในความคุ้มครองการรักษาพยาบาล พร้อมสถานพยาบาลในเครือทั่วไทย และความคุ้มครองที่คุณเลือกได้
เช็กเบี้ยง่ายๆ วันนี้ที่เว็บไซต์ easysunday.com ใช้แค่ “วันเดือนปีเกิด” เท่านั้น ไม่ต้องกรอกข้อมูลติดต่อกลับ
