วิธีพิชิตอายุยืนและสุขภาพดีด้วย Longevity แบบไม่เครียดเรื่องค่าใช้จ่าย
Longevity คือ แนวคิดการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่มุ่งเน้นให้คนเรามีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีตลอดช่วงชีวิต (Healthspan) ควบคู่ไปกับการยืดอายุขัย (Lifespan) โดยอาศัยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันอย่างรอบด้าน
ปัจจุบัน ผู้คนทั่วโลกต่างหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยเห็นได้จากการที่กิจกรรมออกกำลังกายมีความหลากหลายและหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ Run Club พิลาทิส Ice Bath การเข้าฟิตเนส การวิ่งมาราธอน ไปจนถึงกีฬาที่ท้าทายขีดจำกัดร่างกายอย่าง Hyrox จนเกิดเป็นเทรนด์ที่เรียกว่า Longevity ที่เห็นได้ตามโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน
สำหรับประเทศไทยแล้ว ‘Longevity’ หรือ ‘อายุยืนยาว’ เป็นอีกหนึ่งเทรนด์สุขภาพดีที่กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เริ่มมีการใช้ Gadget เพื่อติดตามสุขภาพอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับ การหายใจ การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การดื่มน้ำในแต่ละวัน
ด้วยเหตุนี้ จึงปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า การดูแลสุขภาพในปัจจุบันผ่านแนวคิด Longevity เองก็มีต้นทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากอาหาร เทคโนโลยี Gadget และสารพัดกิจกรรมมากมาย
ดังนั้น เพื่อช่วยให้ทุกคนเข้าถึงสุขภาพที่ดีได้อย่างเหมาะสม และไม่ทำร้ายสภาพคล่องทางการเงินจนเกินไป ลองมาทำความรู้จัก Longevity ให้มากขึ้น พร้อมวิธีปรับใช้ Longevity ให้เหมาะกับตัวเองมากที่สุดกัน เพื่อให้เห็นว่า การมีสุขภาพที่ดีนั้นไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป
สรุปเนื้อหาสำคัญ:

Longevity คืออะไร?
Longevity คือ การศึกษาและปฏิบัติการเพื่อยืดอายุขัยของมนุษย์พร้อมทั้งคงไว้ซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดี โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการยืดช่วงเวลาแห่งความมีสุขภาพดี (Healthspan) ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
เทรนด์ Longevity ได้รับความนิยมและจุดประกายอย่างจริงจังในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักมาจากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และการวิจัยด้านชีววิทยาของการมีอายุ (Biology of Aging) ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยเรื่อง Telomeres, NAD+, และ Senolytics รวมถึงการเผยแพร่แนวคิดของนักลงทุนและผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่หันมาทุ่มเทให้กับการต่อต้านความชรา ไม่ว่าจะเป็น Bryan Johnson, Andrew Huberman ไปจนถึง Gary Brecka
โดย David Sinclair ศาสตราจารย์ด้านพันธุศาสตร์จาก Harvard Medical School นั้นถือเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการจุดประกายให้คนหันมาสนใจ Longevity ในฐานะวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิชิตความเสื่อมได้ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยจำนวนมากชี้ให้เห็นว่า การมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพนั้นต้องอาศัยปัจจัยทั้งจากพันธุกรรม หรือ คิดเป็นประมาณ 20-30% และ ปัจจัยด้านพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม หรือ คิดเป็น 70-80% ของทั้งหมด ดังนั้น Longevity จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถเริ่มดูแลตัวเองได้ตั้งแต่วันนี้
Longevity ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง?
เป้าหมายสูงสุดของ Longevity คือ การทำให้ Healthspan มีความยาวเกือบเท่ากับ Lifespan กล่าวคือ การใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพจนกระทั่งวาระสุดท้าย โดย Lifespan และ Healthspan จะมีความแตกต่างกัน ดังนี้
Lifespan คืออะไร?
Lifespan หรือ อายุขัย คือ จำนวนปีทั้งหมดที่มนุษย์มีชีวิตอยู่ (นับจากเกิดจนตาย) โดยการดูแลตัวเองตามหลัก Longevity นั้นจะเป็นการยืดอายุขัยให้ยาวนานที่สุด
Healthspan คืออะไร?
Healthspan หรือ ช่วงสุขภาพดี คือ จำนวนปีที่มนุษย์มีชีวิตอยู่ โดยปราศจากโรคเรื้อรัง การเจ็บป่วย หรือ ความบกพร่องทางร่างกายที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต โดยตามหลัก Longevity แล้ว การดูแล Healthspan นั้นมีจุดประสงค์เพื่อยืดช่วงเวลาที่มีสุขภาพดีและมีความสุขให้นานที่สุด
5 ปัจจัยที่ทำให้เกิด Longevity หรือ ชีวิตที่ยืนยาวได้
การจะมี Lifespan ที่ยืนยาว และมี Healthspan ที่ดีได้ ตามแนวคิดของ Longevity นั้นจะต้องอาศัยการปรับพฤติกรรมใน 5 ด้านหลัก ได้แก่
- โภชนาการ (Nutrition) ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่เน้นพืชเป็นหลัก (Plant-based) การจำกัดปริมาณแคลอรี่ (Caloric Restriction) และการทำ Intermittent Fasting (IF)
- การออกกำลังกาย (Exercise) โดยจะเน้นทั้งความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Resistance Training) และความทนทานของหัวใจและหลอดเลือด (VO2 Max)
- การนอนหลับ (Sleep) โดยจะต้องเป็นการนอนหลับที่มีคุณภาพและปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการฟื้นฟูเซลล์
- การจัดการความเครียด (Stress Management) โดยเฉพาะการฝึกสติ (Mindfulness) และการจัดการสุขภาพจิตที่ดี (Mental Health)
- ความสัมพันธ์ทางสังคม (Social Connection) โดยเฉพาะการมีปฏิสัมพันธ์เชิงบวกกับผู้อื่น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการลดความเสี่ยงโรคเรื้อรังได้
Longevity คือ ต้นทุนสุขภาพที่ราคาแพง?
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Longevity ถือเป็นการดูแลสุขภาพที่มีต้นทุนสูงกว่าการดูแลสุขภาพทั่วไป
เริ่มตั้งแต่เทคโนโลยีสำหรับการติดตามสุขภาพโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการวัดคุณภาพการนอน ติดตาม HRV (Heart Rate Variability) และ VO2 Max หรือ หลายๆ คนเองก็เริ่มลงทุนกับการตรวจสุขภาพด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงอย่าง Longevity Diagnostic ที่วินิจฉัยสุขภาพเชิงลึกโดยใช้เทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เพื่อประเมิน “อายุชีวภาพ” (Biological Age) ที่แตกต่างจาก “อายุตามปีปฏิทิน” (Chronological Age) ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีการออกกำลังกาย รวมไปถึงกิจกรรมท้าทายขีดจำกัดและฟื้นฟูร่างกายรูปแบบใหม่ๆ ที่นับวันยิ่งทวีความหนักหน่วงขึ้น เพื่อรับกับเทรนด์ Longetivity ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ทุกกิจกรรมการออกกำลังกายและท้าทายขีดจำกัดร่างกายนี้ ก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่า ด้วยค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพที่สูงขึ้น ประกอบกับภาพลักษณ์ตามโซเชียลมีเดียที่สะท้อนให้เห็นถึง “ความอดทน” และ “ความพยายาม” ที่แลกมากับสุขภาพที่ดี จึงทำให้ Longevity กลายเป็นอีกหนึ่งความหรูหรา หรือ Luxury Items ที่หลายคนต้องการไขว้คว้ามาครอบครอง
อย่างไรก็ดี ดังที่คุณนิ้วกลมได้ตั้งคำถามและวิพากษ์ไว้อย่างน่าสนใจว่า “ทุกวันนี้สุขภาพดีเริ่มเป็นภาระของชีวิตแล้ว” ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจริงที่ว่าโลกทุนนิยมทำให้ “สุขภาพดี” กลายเป็นสิ่งที่ต้อง “ซื้อ” และกลายเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
กลายเป็นว่าคนมีเงินและเวลานั้นสามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด และกำลังขยับเพดาน “มาตรฐานสุขภาพดี” ให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้ที่ไม่มีทรัพยากรมากพอรู้สึกถึงความกดดันและความไม่พอใจในร่างกายของตนเอง (Body Dissatisfaction) ซึ่งนำไปสู่ความเครียดและอาจทำลายสุขภาพจิตได้
นอกจากนี้ การที่ Gadget สามารถวัดผลและแสดงตัวเลขต่างๆ เช่น VO2 Max หรือเปอร์เซ็นต์ไขมันได้อย่างชัดเจน ทำให้สุขภาพดีกลายเป็น “ของโชว์” และเป็นมิติใหม่ของการแข่งขันทางสถานะทางสังคม แทนที่จะเป็นเรื่องภายในตนเอง
ที่สำคัญ ยังมีข้อวิพากษ์ว่าการลงทุนด้านวิจัย Longevity นั้นอาจมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับคนที่มีกำลังซื้อสูงมากกว่าการลงทุนเพื่อสร้างนโยบายสาธารณะ หรือ ระบบที่ทำให้คนจำนวนมากในสังคมสามารถเข้าถึงอาหารที่ดีในราคาถูก หรือสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดี
ดังนั้น แม้การมีสุขภาพดีเป็นสิ่งที่ดี แต่เมื่อถูกนำเข้าสู่ระบบทุนนิยมและกลายเป็น “สูตรสำเร็จ” ที่ต้องจ่ายแพง ก็อาจทำให้ความอยากมีสุขภาพดีกลายเป็นความเครียด และภาระทางการเงิน ได้

ปรับตัวอย่างไรให้มี Longevity ได้ โดยไม่ทำร้ายสุขภาพกาย ใจ และสภาพคล่องทางการเงิน
จริงๆ แล้ว การดูแลสุขภาพตามหลักการของ Longevity คือ การเน้นไปที่การปรับพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อสุขภาพองค์รวม โดยอุปกรณ์ เทคโนโลยี หรือ โปรแกรมออกกำลังกายพิเศษ นั้นเป็นส่วนเสริมที่ช่วยให้สามารถดูแลสุขภาพได้ครอบคลุมขึ้นเท่านั้น
ดังนั้น หากเราเข้าใจพื้นฐานที่ส่งผลต่อสุขภาพแล้ว ก็เท่ากับว่า เราสามารถดูแลสุขภาพที่ดีตามหลัก Longevity ได้แล้ว เพียงแต่จะออกแบบกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตอย่างไรให้สอดคล้องกับสภาพร่างกายและงบประมาณที่มีอยู่
5 สิ่งที่จำเป็นต้องโฟกัสจริงๆ ถ้าอยากมีสุขภาพดีตามหลัก Longevity
| สิ่งที่ต้องโฟกัส | ตัวอย่างกิจกรรมราคาประหยัด | 
| การออกกำลังกาย (Move) | การวิ่ง หรือ เดินเร็วในสวนสาธารณะ เพื่อเพิ่มสมรรถภาพหัวใจ หลอดเลือด และกล้ามเนื้อ ตามหลักแล้ว ควรจะคาร์ดิโอให้ได้ 150 นาที/สัปดาห์ เพื่อเพิ่ม VO2 Max และควรสลับกับเวทเทรนนิ่ง เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุน | 
| การนอนหลับ (Sleep) | เข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลาทุกวัน ปรับห้องนอนให้มืดสนิท เลี่ยงการใช้โทรศัพท์ หรือ ดูหน้าจอก่อนนอน | 
| อาหาร (Eat) | เน้นอาหารที่มีใยอาหารสูง ผัก ผลไม้ตามฤดูกาล และลดน้ำตาล/แปรรูป เพื่อลดการอักเสบในร่างกาย | 
| การจัดการความเครียด (Manage Stress) | ฝึกหายใจ (Box Breathing) 10 นาทีต่อวัน หรือ เดินเล่นท่ามกลางธรรมชาติ โดยการจัดการความเครียดจะช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ได้ | 
| การตรวจสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Check-up) | เลือกโปรแกรมตรวจสุขภาพประจำปีพื้นฐานที่คุ้มค่า และพิจารณาการวางแผนประกันสุขภาพที่มีวงเงินครอบคลุมการตรวจคัดกรองโรคร้ายต่างๆ เมื่ออายุมากขึ้น | 
จะเห็นได้ Longevity คือ เทรนด์ที่ให้โอกาสทุกคนได้มีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพ ซึ่งหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพดีแบบยั่งยืนได้ แท้จริงแล้วไม่ใช่การซื้อ Gadget การลงทุนไปกับเทคโนโลยี หรือ โปรแกรมสุขภาพ แต่คือการมีสติในการเลือกรับข้อมูลและเลือกปฏิบัติในสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เพื่อรักษาสุขภาพกาย ใจ และสภาพคล่องทางการเงินเอาไว้ให้ได้นั่นเอง
อีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญของแนวคิด Longevity คือการเข้าใจ “ค่าชี้วัดสุขภาพ” ของร่างกาย โดยเฉพาะค่า VO₂ Max ที่บอกถึงความแข็งแรงของหัวใจ ปอด และประสิทธิภาพในการใช้ออกซิเจน ซึ่งเป็นตัวชี้สำคัญของสมรรถภาพทางกายและอายุสุขภาพที่ยืนยาวยิ่งขึ้น
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่า VO₂ Max และความหมายต่อสุขภาพของคุณได้ที่บทความนี้จาก Sunday

แต่นอกจากการดูแลสุขภาพแล้ว อย่าลืมวางแผนสุขภาพให้ดี โดยเฉพาะการเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี รวมถึงการวางแผนประกันสุขภาพ เพื่อรับมือกับความเสี่ยงด้านการเงินที่มาพร้อมกับความเจ็บป่วย เพื่อให้คุณได้ใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพได้อย่างอุ่นใจ
โดย “คุณ” สามารถเลือกวางแผนประกันสุขภาพได้ง่ายๆ ตั้งแต่วันนี้กับซันเดย์ มาพร้อมกับความคุ้มครองสูง และ แผนประกันสุขภาพที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว เช็กเบี้ยง่ายๆ บนเว็บไซต์ easysunday.com ใช้แค่ “วันเดือนปีเกิด” เท่านั้น

 
			 
				 
				 
				