หน้าหลัก สาระรถยนต์ไฟฟ้า ขับรถยนต์ไฟฟ้า EV แบบนี้ วิ่งได้ไกล ไม่ต้องแวะชาร์จบ่อย!

ขับรถยนต์ไฟฟ้า EV แบบนี้ วิ่งได้ไกล ไม่ต้องแวะชาร์จบ่อย!

เทคนิคขับรถ EV ให้วิ่งได้ไกล

เป็นที่รู้กันดีว่ารถยนต์ไฟฟ้า EV ยังมีสถานีชาร์จที่ไม่ครอบคลุมนัก เวลาจะเดินทางแต่ละที ผู้ขับขี่เลยต้องหาวิธีที่ช่วยประหยัดแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้ได้มากที่สุด เพราะนอกจากจะทำให้ขับได้ระยะทางที่มากขึ้น คุ้มค่าและเหมาะสมกับการชาร์จไฟแต่ละครั้งแล้ว ก็ยังช่วยทำให้สามารถเดินทางได้อย่างสบายใจมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

มาดู 5 เทคนิคดีๆ สำหรับการเดินทางไกลด้วยรถยนต์ไฟฟ้า EV ที่นำมาฝากในบทความนี้ เพื่อช่วยให้เจ้าของรถยนต์ EV วางแผนเดินทางได้ง่ายขึ้นกัน

เดินทางไกลด้วยรถยนต์ไฟฟ้า EV

เทคนิคที่ 1: วางแผนการเดินทาง

การวางแผนเส้นทางที่จะใช้ในการเดินทางถือว่าเป็นหนึ่งสิ่งสำคัญสำหรับการเดินทางไกล ไม่ว่าจะสำหรับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันหรือรถยนต์ EV เพราะการวางแผนเส้นทางจะช่วยทำให้คาดคะเนถึงเชื้อเพลิงที่ต้องใช้ได้อย่างแม่นยำ โดยเฉพาะกับรถยนต์ EV ที่ต้องคำนึงถึงพลังงานและสถานีชาร์จตามเส้นทางด้วย

นอกจากนี้ การวางแผนเส้นทางยังช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ เพราะเจ้าของรถยนต์จะรู้ว่าจะต้องใช้ถนนเส้นไหน มีจุดแวะพักและชาร์จพลังงานตรงไหน หรือจะแวะเที่ยวจุดไหนบ้าง

ข้อแนะนำสำหรับการวางแผนเส้นทางเมื่อใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV คือให้เริ่มจากการดูเส้นทางคร่าวๆ จากต้นทางไปถึงปลายทาง จากนั้นให้มองหาสถานีชาร์จที่มีให้บริการระหว่างทาง แล้วเลือกเส้นทางที่มีสถานีชาร์จให้บริการเมื่อถึงเวลาที่ต้องการ แค่ใช้แอปพลิเคชันแผนที่ก็ช่วยทำให้การวางแผนเหล่านี้เป็นเรื่องง่ายๆ ประหยัดแบตเตอรี่ แถมยังทำให้เดินทางได้สะดวกขึ้นด้วย


เทคนิคที่ 2: ขับรถยนต์ด้วยความเร็วคงที่

การขับรถยนต์ด้วยความเร็วคงที่ ไม่เหยียบเบรกกะทันหันหรือเร่งความเร็วบ่อยๆ สามารถช่วยประหยัดพลังงานที่ใช้ในการขับขี่ได้ เพราะการขับรถที่ความเร็วสูงขึ้น จะทำให้เกิดแรงต้านระหว่างรถยนต์และแรงลมที่สูงขึ้น ทำให้รถยนต์จะต้องใช้พลังงานที่มากกว่าเพื่อเคลื่อนที่ไปข้างหน้า

อีกทั้งรถยนต์ไฟฟ้า EV ยังมักจะมีจำกัดความเร็วที่เหมาะสมในการขับขี่เพื่อช่วยให้การทำงานของแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพ โดยหากใช้ความเร็วที่มากเกินไป ก็ส่งผลทำให้เกิดการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้นได้ ทำให้สามารถขับรถยนต์ไฟฟ้าได้ระยะทางที่น้อยลงต่อการชาร์จหนึ่งครั้งนั่นเอง

ขับรถยนต์ EV ด้วยความเร็วคงที่

เทคนิคที่ 3: ใช้ระบบเบรกแบบ Regenerative Braking

หนึ่งในฟีเจอร์ที่รถยนต์ไฟฟ้า EV พัฒนาให้มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยประหยัดพลังงานในการขับขี่ คือ ระบบเบรกแบบ Regenerative Braking หรือเรียกอีกชื่อว่าระบบเบรกแบบสร้างใหม่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งระบบในรถยนต์ไฟฟ้าที่มาพร้อมกับระบบเบรกปกติ

ระบบเบรกแบบ Regenerative Braking เป็นระบบที่เมื่อเหยียบเบรกก็จะมีการเก็บพลังงานจลน์ที่เกิดขึ้นบางส่วนเอาไว้ในแบตเตอรี่ เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานในการขับขี่ต่อได้ เหมือนเป็นการผลิตพลังงานเพิ่มเติมให้กับแบตเตอรี่ตลอดการเดินทาง ระบบเบรกแบบนี้ยังเหมาะกับการเดินทางขึ้นและลงเขาอีกด้วย เพราะช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผ้าเบรกและชิ้นส่วนต่างๆ จากการเหยียบเบรกบ่อยๆ


เทคนิคที่ 4: แวะชาร์จไฟ ให้ได้แค่ 80% ก็เพียงพอ

อีกหนึ่งเทคนิคที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ การแวะชาร์จไฟแต่ละครั้งที่ไม่จำเป็นจะต้องรอให้ไฟเต็ม 100% เพื่อออกเดินทางต่อ เพราะการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV จะใช้เวลาค่อนข้างน้อยเมื่อเริ่มจาก 0% ไปจนถึง 80% หลังจากนั้นจะใช้เวลาชาร์จนานมากขึ้นกว่าจะเต็ม 100% ทำให้ประหยัดเวลาการเดินทางด้วยเช่นกัน

หากวางแผนการเดินทางไว้แล้ว และรู้ว่าการชาร์จเพียง 80% สามารถทำให้เราเดินทางถึงจุดหมายหรือจุดชาร์จอื่นๆ ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องรอ แถมยังถูกพิสูจน์มาแล้วด้วยว่าทำให้สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ดีกว่าการชาร์จจนเต็ม เนื่องจากการชาร์จด้วยวิธีนี้เป็นการช่วยลดภาระกับตัวแบตเตอรี่


เทคนิคที่ 5: บรรทุกสัมภาระให้พอเหมาะ

การเดินทางไกลแต่ละครั้งย่อมมีสัมภาระเป็นธรรมดา แต่ถ้าเป็นไปได้ ขอแนะนำให้เลือกบรรทุกสัมภาระที่จำเป็นจริงๆ เพื่อช่วยลดน้ำหนักโดยรวมของรถยนต์ การเอาสัมภาระบางส่วนไว้บนหลังคารถยนต์เองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้รถต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการเคลื่อนที่ ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็น แนะนำให้เอาสัมภาระใส่ในรถ และเลือกแต่สิ่งที่จำเป็นกับการเดินทางเท่านั้น แบบนี้ก็มั่นใจได้เลยว่าสามารถขับรถยนต์ไฟฟ้า EV คู่ใจไปเที่ยวได้ยาวๆ แน่นอน

บรรทุกสัมภาระในรถ EV ให้พอเหมาะ

เทคนิคพิเศษ! ที่ช่วยทำให้รถยนต์ไฟฟ้า EV เดินทางได้ไกลขึ้น

  • ถ้าอากาศดี ปิดแอร์ก็ได้! เพราะนอกจากจะได้รับลมเย็นๆ สดชื่นจากภายนอกแล้ว ก็ยังช่วยประหยัดไฟฟ้าที่นำมาใช้ในระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสาร
  • ปิดระบบอัตโนมัติต่างๆ ที่ไม่จำเป็นเพื่อลดการใช้ไฟ เช่น ระบบอุ่นหรือทำความเย็นที่เบาะนั่ง ปรับลดความสว่างหน้าจอในรถยนต์ รวมถึงปิดไฟวิ่งกลางวัน หรือ Daytime Running Lights (DRL) เมื่อไม่จำเป็น
  • ตรวจสอบยางรถยนต์ให้มีความดันลมยางที่เหมาะสมก่อนออกเดินทาง
  • เมื่อจอดพักระหว่างเดินทาง แนะนำให้จอดรถยนต์ในที่ร่ม เพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร แถมยังช่วยทำให้แบตเตอรี่ทำงานได้ดีขึ้น
  • ก่อนถอดสายชาร์จ ให้เปิดแอร์รอไว้เลย จะได้ช่วยลดการกระชากพลังงานมาใช้หลังจากชาร์จเสร็จแล้ว

เคล็ดลับการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า EV ได้ง่ายๆ

  • หากใช้ระบบ Fast Charge แนะนำให้ชาร์จไฟถึงแค่ 80% เท่านั้น
  • ใช้ระบบชาร์จธรรมดาเมื่อมีโอกาส ช่วยยืดระยะการใช้งานของแบตเตอรี่ได้
  • หลังชาร์จไฟครบ 100% แล้ว ไม่ควรเสียบปลั๊กทิ้งไว้
  • ตรวจสภาพรถยนต์ตามกำหนด เพื่อให้มั่นใจว่าระบบสามารถทำงานได้ปกติ

เดินทางสบายใจ เลือกประกันรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะกับคุณ

ไม่ว่าคุณจะมีไลฟ์สไตล์แบบไหน ขับรถในเมืองไปทำงาน หรือเน้นขับระยะทางไกล การเลือกซื้อประกันรถยนต์เอาไว้ถือว่าช่วยทำให้คุณสบายใจกับทุกการขับขี่มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเกิดปัญหา หรืออุบัติเหตุระหว่างเดินทาง หรือต้องตรวจเช็กเครื่องยนต์ จะได้มั่นใจว่ามีศูนย์ดูแลที่เชี่ยวชาญด้านรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ

ที่ Sunday ก็มีประกันรถยนต์ไฟฟ้าให้คุณได้เลือกซื้อหลากหลายแบบ สามารถปรับความคุ้มครองได้ตามใจเพื่อเลือกเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับตัวเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องคนดูแลเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือต้องมีการเคลมความเสียหายต่างๆ ด้วยระบบการแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่าน Live Streaming พร้อมจบงานเคลมรวดเร็วได้ใน 15 นาที ทดลองสร้างแผนประกันรถยนต์ไฟฟ้าออนไลน์ กรอกแค่ ‘วันเดือนปีเกิด’ และ ‘รหัสไปรษณีย์’ เท่านั้น


Share this article
Shareable URL
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

เหตุผลที่เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าแพงกว่ารถยนต์ทั่วไป

ทำไมเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าถึงแพงกว่าประกันรถยนต์ทั่วไป? “ประกันรถยนต์ไฟฟ้าแพงไหม” เป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายๆ…
why-ev-car-insurance-premium-more-expensive

จริงไหม? รถยนต์ไฟฟ้า ประหยัดกว่ารถน้ำมัน

รถ EV ที่ไม่ได้มีแค่รักษ์โลก แต่ประหยัดได้มากกว่า! ในยุคที่คนรอบ ๆ ตัวเริ่มหันไปใช้งาน รถยนต์ไฟฟ้า…
benefits-of-electric-cars-vs-gasoline-cost-savings
0
Share