หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ใครหลายคนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น คือ การช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมจากการใช้ไฟฟ้าแทนการเผาไหม้พลังงานเชื้อเพลิงอย่างน้ำมัน อย่างไรก็ดี เชื่อว่าใครหลายคนเองก็คงสงสัยอยู่ไม่น้อยกว่า การใช้พลังงานไฟฟ้าในรถยนต์แทนการใช้น้ำมันจะสามารถช่วยลดมลภาวะได้หรือไม่ แล้วพลังงานไฟฟ้าที่นำมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าเป็นพลังงานสะอาดทั้งหมดไหม
มาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้เลยว่า สรุปแล้วการเลือกรถยนต์ EV ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับสิ่งแวดล้อมและโลกจริงหรือไม่
ข้อสงสัยที่ 1: รถยนต์ไฟฟ้า EV ทำให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่ารถน้ำมันจริงไหม?
รถยนต์ไฟฟ้า EV มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดน้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตไปจนถึงตอนใช้งาน ที่รวมถึงการชาร์จไฟแต่ละครั้ง
แต่เมื่อเราพูดถึงพลังงานไฟฟ้าที่นำมาใช้ชาร์จรถยนต์ในแต่ละครั้ง ก็ต้องบอกว่าจะมีการผลิตที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละพื้นที่ ทำให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณที่แตกต่างกันออกไปด้วยเช่นกัน
ในปัจจุบันนี้มีการผลิตพลังงานไฟฟ้าทางเลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพลังงานลม แสงแดด หรือพลังงานน้ำ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกในขั้นตอนการผลิตไฟฟ้า ทำให้เกิดเป็นพลังงานสะอาดที่นำมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าได้
แต่ในขณะเดียวกัน หากเทียบกับการผลิตพลังงานไฟฟ้าแบบดั้งเดิมที่เป็นการเผาก๊าซธรรมชาติ ถ่านหินและอื่น ๆ ก็ย่อมก่อให้เกิดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่มากกว่าเช่นกัน
แต่หากเปรียบเทียบแล้ว พลังงานที่ใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ก็ยังถือว่ายังปล่อยปริมาณก๊าซน้อยกว่าการใช้รถยนต์น้ำมันแบบดั้งเดิม
ข้อสงสัยที่ 2: การผลิตและทำลายแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ส่งผลเสียกับสิ่งแวดล้อมจริงไหม?
หากพูดถึงการผลิตแค่ตัวแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียว ในตอนนี้ก็ยังถือว่ามีโอกาสส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมได้มากกว่าการผลิตเครื่องยนต์ของรถยนต์ทั่วๆ ไป
ขั้นตอนการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ามีการใช้ธาตุหายาก (REE) ที่ต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการขุดหา รวมไปถึงมีการแยกธาตุเพื่อนำมาใช้งานต่อ ซึ่งทำให้เกิดการปล่อยก๊าซมากกว่าการผลิตเครื่องยนต์แบบสันดาปหลายเท่า ดังนั้น จึงตอบได้เลยว่าขั้นตอนการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า EV นั้นยังเป็นส่วนที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่มาก
แต่ด้วยเทคโนโลยีที่กำลังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตอนนี้หลาย ๆ บริษัทได้เริ่มพัฒนาและนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดการปล่อยมลพิษในขั้นตอนการผลิตและรีไซเคิลแบตเตอรี่เหล่านี้ เพื่อทำให้มีทางเลือกที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้นในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า EV
และถ้าหากเปรียบเทียบขั้นตอนการผลิตและวงจรชีวิตของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดแล้ว จะพบว่าทุก ๆ ขั้นตอนรวมกัน ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าการผลิตรถยนต์แบบใช้น้ำมันอีกด้วย
*อ้างอิงข้อมูลจาก The Guardian และ GreenCar
ข้อเปรียบเทียบอื่นๆ ระหว่างรถยนต์ EV และรถยนต์น้ำมันทั่วไป
นอกจากข้อสงสัยใหญ่ๆ ข้างต้นแล้ว ลองมาพิจารณาข้อเปรียบเทียบด้านผลกระทบของสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นระหว่างรถยนต์ทั่วไปและรถยนต์ไฟฟ้ากัน
การปล่อยมลภาวะจากท่อไอเสีย
ทุกวันนี้ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวน 72% ของทั้งหมด เกิดจากรถยนต์แบบใช้น้ำมัน ที่ใช้เครื่องยนต์แบบสันดาป แน่นอนว่ารถยนต์ไฟฟ้า EV ไม่มีการปล่อยไอเสียใดๆ ออกมาทั้งสิ้นในการใช้งาน เพราะไม่มีเครื่องยนต์ที่ก่อให้เกิดการเผาไหม้ ทำให้ช่วยลดมลภาวะที่เกิดขึ้นจากท่อไอเสียได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์และคาร์บอนมอนอกไซด์ ทำให้ช่วยลดปัญหา PM2.5 และช่วยลดมลภาวะทางอากาศได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะภายในเมืองที่มีรถยนต์จำนวนมาก ส่งผลทำให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาวด้วยเช่นกัน
มลภาวะทางเสียง
นอกจากมลภาวะทางอากาศแล้ว ยังมีมลภาวะทางเสียงที่มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเพราะรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบสันดาปหรือรถน้ำมันทั่วไป จะมีเสียงที่เกิดการเคลื่อนที่ของเครื่องยนต์ และมีเสียงที่ปล่อยออกมาทางท่อไอเสียด้วยเช่นกัน เมื่อรถยนต์มีอายุมากขึ้น ก็มักจะทำให้เกิดเสียงที่ดังขึ้นด้วยเช่นกัน
ในขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าไม่มีท่อไอเสีย ทำให้ไม่มีเสียงจากท่อไอเสีย เครื่องยนต์เป็นแบบไฟฟ้า ไม่มีการเคลื่อนที่ของชิ้นส่วน ทำให้แทบจะไม่มีเสียงการทำงานของเครื่องยนต์เลย จนถึงขั้นที่กฎหมายต้องกำหนดให้รถยนต์ไฟฟ้ามีการใส่เสียงเครื่องยนต์ปลอม ๆ เอาไว้ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนด้วย
เลือกใช้พลังงานสะอาดสำหรับการชาร์จรถไฟฟ้า
ถึงแม้ว่าพลังงานไฟฟ้าที่นำมาใช้ชาร์จรถยนต์ EV ในแต่ละครั้งจะมาจากการผลิตไฟฟ้าแบบดั้งเดิมที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนมาก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับพลังงานที่สูญเสียไปของการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและการใช้น้ำมันของรถยนต์ทั่วไปแล้ว รถยนต์ไฟฟ้าก็ยังสามารถช่วยประหยัดพลังงานและลดการปล่อยก๊าซอันตรายได้น้อยกว่าถึง 40% ในการขับขี่
ปัจจุบันนี้มีพลังงานทางเลือกมากมายที่ถูกพัฒนามาเพื่อตอบสนองความยั่งยืน ทำให้การใช้รถยนต์ไฟฟ้าช่วยลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมได้มากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการชาร์จไฟด้วยพลังงานที่ได้จากแสงอาทิตย์ หรือโซล่าเซลล์เป็นต้น
แบตเตอรี่ที่หมดอายุแล้ว นำไปใช้ต่อได้
ประเด็นใหญ่ที่สุดสำหรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าตอนนี้ คือ การผลิตและการรีไซเคิลแบตเตอรี่ที่ใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นจำนวนมาก แต่อย่างน้อยๆ ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อหาวิธีใช้ประโยชน์จากแบตเตอรี่เหล่านี้ให้ดีที่สุด ปัจจุบันมีการนำแร่ธาตุและอุปกรณ์บางส่วนไปใช้ในเครื่องมือการจัดเก็บพลังงานไฟฟ้าตามบ้านเรือน และตามอุตสาหกรรมต่างๆ
อนาคตของรถยนต์ไฟฟ้าและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม
ด้วยงานวิจัย การเรียนรู้และการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราสามารถมองเห็นอนาคตได้ว่าจะมีนวัตกรรมที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตยานพาหนะระบบไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้น ทั้งจากการค้นหาแหล่งพลังงานใหม่ๆ ที่ยั่งยืนกว่าเดิม การเลือกใช้วัสดุที่มีความยั่งยืนในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ รวมไปถึงการพัฒนาระบบพลังงานทดแทนให้เข้าถึงได้ง่ายในทุกภูมิภาค
การสนับสนุนจากทางภาครัฐเองก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน เช่น การเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบพลังงานทางเลือกให้กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ในทุกครัวเรือน สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด รวมถึงการออกข้อกฎหมายที่เอื้อให้การใช้พลังงานสะอาดเป็นสิ่งที่ธุรกิจและทุกคนต้องร่วมมือกันมากขึ้น
สรุปแล้ว รถยนต์ไฟฟ้าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่ารถยนต์น้ำมันจริงไหม?
คำตอบ คือ “จริง” แต่ไม่ใช่ทั้งหมด อย่างที่เราได้เห็นข้อมูลกันไปเกี่ยวกับการผลิตและการรีไซเคิลแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า EV นั้นยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่มาก แต่เมื่อเทียบกับการผลิต และวงจรชีวิตการใช้งานของรถยนต์ทั้งสองแบบแล้ว ต้องบอกว่ารถยนต์ไฟฟ้าปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้พลังงานทางเลือกเข้ามาใช้ในการชาร์จรถ EV ทำให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตกระแสไฟฟ้าได้ ทำให้เกิดความยั่งยืนในการใช้พลังงานได้อย่างแท้จริง
เลือกรถยนต์ไฟฟ้าให้เหมาะกับการใช้งาน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากกว่า
สำหรับใครที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้า EV สักคันในการใช้งาน ขอแนะนำให้เลือกรถยนต์ EV ที่มีความเหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อช่วยสร้างความยั่งยืนไปพร้อมๆ กัน
เช่น หากคุณเน้นขับรถยนต์ภายในเมือง ไม่ได้ใช้ขับทางไกล ก็เลือกรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดเล็กกว่า แต่ยังใช้งานได้ตรงตามจุดประสงค์ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์
แต่หากต้องใช้รถยนต์เดินทางระยะไกล มีการบรรทุกของ ก็ควรเลือกเป็นรถกระบะไฟฟ้าหรือรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์และแบตเตอรี่ที่ตอบโจทย์จุดประสงค์การใช้งาน ถึงจะทำให้เกิดความคุ้มค่าในการใช้งานได้สูงสุด
นอกจากนี้แล้ว อย่าลืมมองหาประกันรถยนต์ไฟฟ้าออนไลน์ที่ตอบโจทย์ เพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงด้านค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ไฟฟ้าหลังจากเหตุไม่คาดฝัน อย่างการทำประกันรถยนต์ไฟฟ้าออนไลน์ จาก Sunday ที่ให้คุณได้ออกแบบความคุ้มครองให้ตรงตามการใช้งานของตัวเองได้ ครบครันด้วยการแจ้งเหตุผ่านระบบ Livestream Claim พร้อมจบงานเคลมรวดเร็วได้ใน 15 นาที