น้ำมันสำหรับผัดและทอดเพื่อสุขภาพมีอะไรบ้าง?
นอกจากเรื่องการออกกำลังกายที่เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เรามีสุขภาพที่ดีแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือเรื่องการเลือกรับประทานอาหารหรือเลือกใช้วัตถุดิบอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพราะหากออกกำลังกายทุกวัน แต่ยังคงเลือกอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ก็คงจะเป็นไปได้ยากที่จะมีสุขภาพแข็งแรงปลอดโรคภัย
ซึ่งในบทความนี้เราก็จะอยากจะมาแนะนำ 5 น้ำมันสำหรับผัดและทอดเพื่อสุขภาพกันว่าควรจะเลือกแบบไหนดี เพื่อประโยชน์สูงสุดในการทำอาหาร
รู้จักจุดเกิดควัน (Smoke Point)
ก่อนที่เราจะไปดูกันว่าน้ำมันสำหรับผัดและทอดเพื่อสุขภาพมีอะไรบ้าง ซันเดย์อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจกับคำว่าจุดเกิดควัน หรือ Smoke Point กันก่อน ซึ่งจุดเกิดควันนี้จะเป็นจุดที่ใช้วัดระดับการทนความร้อนของน้ำมันนั่นเอง หมายความว่า เมื่อมีความร้อน (ในที่นี้ก็คือการนำเอาไปผัดหรือทอด) ที่ทำให้เกิดควันและกลิ่นเหม็นไหม้ ส่งผลให้รสชาติของอาหารและสีเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหากรับประทานอาหารที่ไหม้ (เกินจุด Smoke Point) แน่นอนว่าส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นการใช้น้ำมันแต่ละประเภทเพื่อให้ไม่ให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เราไม่ควรใช้ไฟแรงเกินไป โดยข้อมูลจากโรงพยาบาลสมิติเวชระบุไว้ว่า น้ำมันแต่ละชนิด ก็จะมีจุดเกิดควันที่แตกต่างกันไปดังนี้
- น้ำมันมะกอก 163 องศาฯ
- น้ำมันมะพร้าว 177 องศาฯ
- น้ำมันคาโนล่า 218 องศาฯ
- น้ำมันอะโวคาโด้ 266 องศาฯ
- น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน 238 องศาฯ
5 น้ำมันเพื่อสุขภาพ ปรุงอร่อย สุขภาพดี
1. น้ำมันมะกอก
จากข้อมูลข้างต้น น้ำมันมะกอกถือว่าทนความร้อนได้น้อยกว่าน้ำมันประเภทอื่น เพราะฉะนั้นอาจจะไม่เหมาะกับการเอาไปทอดเท่าไรนัก ซึ่งหากถูกความร้อนเป็นเวลานาน ก็อาจทำให้รสชาติและกลิ่นหอมของน้ำมันมะกอกเสื่อมสภาพไปได้ จึงเหมาะกับการเอาไปผัดแบบระยะสั้นๆ หรือผสมกับน้ำสลัดเพื่อรับสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระจากตัวน้ำมันได้อย่างเต็มที่
2. น้ำมันมะพร้าว
เนื่องจากกรดไขมันกว่า 90% ในน้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันอิ่มตัว ทำให้เป็นอีกหนึ่งชนิดของน้ำมันที่สามารถทนความร้อนได้สูง จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของน้ำมันทอดเพื่อสุขภาพ ส่วนเรื่องคุณประโยชน์ไม่ต้องพูดถึง เพราะมีประโยชน์มากมายไม่แพ้น้ำมันชนิดอื่นเลย ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูก เพราะในน้ำมันมะพร้าวมีแคลเซียมและแมกนีเซียม รวมถึงในน้ำมันมะพร้าวจะมีกรดไขมันสายกลางอยู่จึงช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองและป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ด้วยเช่นกัน
Sunday Tips รู้หรือไม่!? ทานน้ำมันมะพร้าวมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ? ข้อมูลจากนายแพทย์วิทวัส แนววงศ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ระบุว่า สารประกอบหลักของน้ำมันมะพร้าวประกอบด้วยไขมันอิ่มตัวมากถึง 90% และควรจำกัดปริมาณอยู่ที่ไม่เกินร้อยละ 7 ของพลังงานรวมต่อวัน เพราะฉะนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์ แต่อะไรที่ทานมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ด้วยเช่นกันนะ |
3. น้ำมันคาโนล่า
น้ำมันคาโนล่าเป็นน้ำมันที่สกัดจากต้นคาโนล่า ซึ่งเป็นน้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวสูง จึงสามารถช่วยลดคอเรสเตอรอล ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ ลดการเกาะตัวของเกร็ดเลือด ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดอุดตันด้วยเช่นกัน สำหรับน้ำมันประเภทนี้ทนความร้อนสูงเลยทีเดียว อยู่ที่ 218 องศาฯ จึงเหมาะกับการนำไปผัด หรือทำน้ำสลัด และการทอดที่ไม่นานจนเกินไป
4. น้ำมันอะโวคาโด้
น้ำมันอะโวคาโด้นั้นเป็นอีกหนึ่งน้ำมันยอดฮิตสำหรับผู้ที่รักสุขภาพ เพราะมีประโยชน์มากมายและมีกลิ่นที่ถูกใจใครหลายคน โดยเกือบ 70% ของน้ำมันอะโวคาโด้อุดมไปด้วยกรดโอเลอิก ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ และช่วยเพิ่มไขมันดี นอกจากนี้ก็ยังอุดมไกปด้วยลูทีนที่ช่วยบำรุงสายตา ช่วยเพิ่มการดูดซึมอาหาร เพราะสารอาหารบางประเภทต้องการไขมันเพื่อดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ร่างกายเราได้รับสารอาหารได้เต็มที่ นอกจากนี้ก็ยังสามารถนำไปผัดหรือทอดก็ได้ เพราะทนความร้อนได้สูงมาก
5. น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน
น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของเยื่อหุ้มเซลล์ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อดักจับและกำจัดแบคทีเรียหรือไวรัสต่างๆ ทำให้เรามีสุขภาพแข็งแรง นอกจากนี้ในน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันก็ยังมีโปรตีน ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและเอนไซม์ต่างๆ ทานเข้าไปแล้วไม่รู้สึกหนักท้อง เนื่องจากเป็นน้ำมันที่มีความหนาแน่นน้อย เหมาะกับการนำไปผัดหรือทอดแบบไม่นานจนเกินไป เพราะเป็นน้ำมันที่มีจุดเกิดควันแบบปานกลาง
สำหรับใครที่กำลังอยากลดน้ำหนักหรืออยากมีสุขภาพที่ดีขึ้น การเริ่มต้นปรับการทานอาหารก็เป็นไอเดียที่ดีเลยทีเดียว เริ่มง่ายๆ จากการเปลี่ยนมาใช้น้ำมันสำหรับผัดและทอดให้เหมาะสมที่เราได้แนะนำไปข้างต้น ส่วนใครที่ยังไม่มีประกันสุขภาพไว้คุ้มครองยามเจ็บป่วยก็ไปเช็คความคุ้มครองและค่าเบี้ยของซันเดย์ได้นะ!