หน้าหลัก สาระสุขภาพ วิตามินดีคืออะไร ขาดแล้วอันตรายต่อร่างกายอย่างไร?

วิตามินดีคืออะไร ขาดแล้วอันตรายต่อร่างกายอย่างไร?

ประโยชน์ของวิตามินดี

วิตามินดีคืออะไร อาการเมื่อขาดวิตามินดีเป็นอย่างไร?

แม้ร่างกายจะสามารถรับวิตามินดีจากแดดได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้จะอยู่ในประเทศที่มีแดดจัดตลอดเวลาอย่างเมืองไทย ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีความเสี่ยงที่จะขาดวิตามินดีเช่นกัน

แล้ววิตามินดีคืออะไร สำคัญต่อร่างกายมากน้อยแค่ไหน การขาดวิตามินดีทำให้ปวดหัวบ่อยและเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าจริงไหม มาไขข้อสงสัยไปพร้อมกันในบทความนี้เลย

วิตามินดีคืออะไร?

วิตามินดี (Vitamin D) คือ วิตามินละลายในไขมันที่ร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นได้ด้วยตัวเอง แต่จำเป็นต้องได้รับผ่านอาหาร หรือ แสงแดดที่กระตุ้นให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินดีผ่านผิวหนัง โดยวิตามินจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้

  • วิตามินดี 2 (Vitamin D2) เป็นวิตามินที่ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ได้ จำเป็นต้องได้รับผ่านอาหารจำพวกพืช เห็ด และยีสต์
  • วิตามินดี 3 (Vitamin D3) เป็นวิตามินที่ร่างกายสังเคราะห์ได้จากการที่รังสี UV จากแดดเข้ามาเปลี่ยนสารประเภทคอลเลสเตอรอลที่ผิวหนังให้กลายเป็นวิตามินดี นอกจากนี้ ร่างกายยังสามารถรับวิตามินดี 3 ผ่านอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ไข่แดง ตับ ปลาไขมันสูง นม และผลิตภัณฑ์จากนมได้เช่นกัน

วิตามินดีช่วยอะไร จำเป็นกับร่างกายอย่างไร?

ประโยชน์ของวิตามินดีไม่ได้มีแค่ช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟัน หรือ ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุนเท่านั้น แต่วิตามินดียังเป็นสารสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายดูดซึม รวมถึงรักษาระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

นอกจากจะจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย ตลอดจนช่วยยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดการสลายกระดูกแล้ว แคลเซียมและฟอสฟอรัสยังมีส่วนช่วยรักษาประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย

ที่สำคัญ วิตามินดียังมีส่วนช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์สารที่จำเป็นต่อการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย ทั้งยังเป็นสารสำคัญที่จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาท สมอง เซลล์ประสาท การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ รวมไปถึงการควบคุมสมดุลของการแข็งตัวของเลือดอีกด้วย

การขาดวิตามินดีอันตรายแค่ไหน?

จากการศึกษาในประเทศไทยพบว่า มากกว่า 60% ของคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและเกือบ 50% ของคนในต่างจังหวัดมีภาวะการขาดวิตามินดี ทั้งนี้สาเหตุเป็นเพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้หลาย ๆ คนออกไปเจอกับแสงแดดน้อยลง

อย่างไรก็ดี การขาดวิตามินดี หรือ ภาวะพร่องวิตามินดี ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกและฟันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดโรคร้ายตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ รวมไปถึงโรคร้ายอย่างมะเร็ง

นอกจากนี้ ภาวะพร่องวิตามินดียังเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดหัวได้เช่นกัน โดยจากการศึกษาจากอินเดียพบว่า การได้รับวิตามินดีที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหัวจากความเครียดเรื้อรัง 

โดยมีรายงานพบว่า ผู้ที่เดินทางเข้าใกล้ขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ และห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากขึ้นมีความเสี่ยงที่จะปวดหัวไมเกรนและความเครียดมากขึ้น เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีแสงแดดที่น้อยและบางเบากว่าพื้นที่อื่น ๆ ทำให้ร่างกายได้รับวิตามินดีในปริมาณที่น้อยลงนั่นเอง

ที่สำคัญ นอกจากการขาดวิตามินดีจะทำให้ปวดหัวแล้ว อาการเมื่อขาดวิตามินดียังอาจมาในรูปแบบของภาวะซึมเศร้าได้เช่นกัน โดยจากการศึกษาพบว่า หากร่างกายมีระดับวิตามินดีที่น้อยเท่าไร ความรุนแรงของอาการซึมเศร้าก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจาก 2 สาเหตุหลัก

  1. ตัวรับวิตามินดีในสมองส่วนไฮโปทาลามัสทำงานผิดปกติ เนื่องจากภาวะซึมเศร้าทำให้การหลั่งสารเคมีในสมองผิดปกติ
  2. การขาดวิตามินดีทำให้ร่างกายสังเคราะห์สารสื่อประสาทที่ช่วยลดความเครียดได้น้อยลง โดยเมื่อร่างกายมีวิตามินดีน้อย ก็จะสังเคราะห์โดปามีน เซโรโทนิน และ นอร์อิพิเนฟริน ได้น้อยลงด้วย

แม้จะเป็นวิตามินตัวเล็ก ๆ แต่จะเห็นได้ว่าวิตามินดีนั้นเป็นวิตามินสำคัญที่ส่งผลได้กับทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจได้เลยทีเดียว ซึ่งสำหรับใครที่ยังไม่มีอาการ หรือ ความผิดปกติเกิดขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่าตนเองมีภาวะขาดวิตามินดีหรือเปล่า หากได้ไปตรวจสุขภาพ ขอแนะนำให้พิจารณาระดับวิตามินดีในร่างกายตามระดับค่า 25-hydroxy-vitamin D ดังนี้

ประเภทระดับวิตามินดีในเลือด(นาโนกรัมต่อมิลลิลิตร (ng/mL))
ระดับปกติมากกว่า 30
ภาวะพร่องวิตามินดี20 – 30
ภาวะขาดวิตามินดีน้อยกว่า 20

วิตามินดีได้จากอะไร ต้องรับประทานอาหารเสริมเพิ่มหรือไม่?

เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะพร่องหรือขาดวิตามินดี นอกจากจะออกไปรับวิตามินดีจากแดดอ่อน ๆ ในช่วงเช้าเป็นเวลาประมาณ 15 นาทีแล้ว ทุกคนยังควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินดี เช่น ปลาไขมันสูงอย่างแซลมอนและทูน่า ไปจนถึงนม ผลิตภัณฑ์จากนม ไข่แดง รวมไปถึงเห็ดชนิดต่าง ๆ อยู่เสมอ

สำหรับใครที่อยากรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีวิตามินดี หรือ วิตามินดีโดยเฉพาะ ขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเข้ารับการตรวจระดับวิตามินดีในเลือด พร้อมกำหนดปริมาณวิตามินดีที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด เนื่องจากหากร่างกายได้รับวิตามินดีมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะวิตามินดีเป็นพิษได้

โดยนอกจากจะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย สับสน ขาดสมาธิ คลื่นไส้อาเจียน ปัสสาวะบ่อย หรือ หิวน้ำบ่อยแล้ว ภาวะที่ร่างกายมีวิตามินดีสูงเกินอาจทำให้แคลเซียมและฟอสเฟสสะสมที่ไต จนตกตะกอนในเนื้อไตและตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ จนทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตตามมาได้

เท่านี้ก็ได้เข้าใจประโยชน์ของวิตามินดี รวมถึงรู้เท่าทันอาการเมื่อขาดวิตามินดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมนำรายละเอียดที่นำมาฝากนี้ไปพิจารณาและปรับใช้ให้เข้ากับสุขภาพ รวมถึงไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ตลอดจนอย่าลืมปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรับประทานวิตามินดีที่เหมาะสมกับตัวเอง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพในระยะยาว


แม้จะรับประทานวิตามินดี ตลอดจนได้รับสารอาหารสำคัญที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย แต่บางครั้งก็ยังไม่เพียงพอที่จะรับมือกับโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้น ดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงแล้ว การมองหาประกันสุขภาพออนไลน์ดี ๆ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในยามเจ็บป่วยได้เช่นกัน เช็กเบี้ยประกันสุขภาพเองได้ง่าย ๆ ใช้แค่ ‘วันเดือนปีเกิด’ พร้อมเลือกกรมธรรม์ที่เหมาะสมกับตัวเองได้ทันที!

ประกันสุขภาพเหมาจ่ายออนไลน์
Share this article
Shareable URL
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

รู้จักไวรัส RSV โรคทางเดินหายใจในเด็ก อันตรายถึงชีวิต

โรค RSV คืออะไร สังเกตอาการได้อย่างไรบ้าง? ในช่วงที่อากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ อย่างช่วงปลายฝนต้นหนาว…

นอนเยอะแต่เหมือนนอนไม่พอ คุณอาจจะเป็นโรคนอนเกิน!

นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ อาจเป็นโรคนอนเกินได้นะ! มีใครเคยเป็นบ้าง นอนเต็ม 8 ชั่วโมงก็แล้ว 12 ชั่วโมงก็แล้ว…
oversleeping-symptoms-feeling-tired-despite-sleeping-a-lot
0
Share