ใครที่กำลังมองหาโอกาสออกเดินทางลองไปสัมผัสเสน่ห์ของประเทศแถบเอเชียกลางซักครั้งในชีวิตแล้วล่ะก็ ตอนนี้คือช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเตรียมตัวแพ๊คกระเป๋าแล้วออกเดินทางแล้วล่ะ!
เพราะเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 ที่ผ่านมาประเทศ “คาซัคสถาน” ได้มีประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะทำการมอบสถานะฟรีวีซ่าให้กับชาวไทย (และอีกหลายๆ ประเทศ) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลให้ทำให้คนที่ต้องการไปเยือนคาซัคสถานสามารถพำนักอยู่ในประเทศได้นานสุดถึง 30 วันโดยที่ไม่จำเป็นต้องยื่นเอกสารให้ยุ่งยาก
มาถึงตอนนี้หลายคนอาจจะเกิดคำถามว่า แล้วประเทศคาซัคสถานนี้มีที่เที่ยวน่าไปเยอะไหม? คุ้มค่าวันลาสำหรับแบกเป้ออกสำรวจหรือไม่? ในครั้งนี้เราเลยจะมาลิสท์รายชื่อของแลนด์มาร์กที่เรียกได้ว่าห้ามพลาดถ้าได้ไปเยือนคาซัคสถานให้ทุกคนได้ทราบกัน
ทำความรู้จัก “คาซัคสถาน” ประเทศแถบเอเชียกลางกันก่อน
พอเอ่ยถึงชื่อ “คาซัคสถาน” หลายคนอาจรู้สึกว่าเป็นประเทศที่ไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่นัก ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเนื่องจากแต่เดิมคาซัคสถานเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตซึ่งประกาศแยกตัวเป็นเอกราชมาตั้งแต่ปี 1991 และก่อนหน้านี้การเดินทางมาเพื่อท่องเที่ยวก็ยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางภาครัฐมากนัก โดยดินแดนแห่งนี้มีจุดเด่นตรงที่เป็นประเทศซึ่งไม่มีทางออกสู่ทะเล ที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 9 ของโลก (ใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 5 เท่า) โดยมีพรมแดนติดกับหลายๆ ประเทศ เช่น รัสเซีย จีน ฯลฯ
ในแง่ของการท่องเที่ยวที่เราควรรู้ก่อนวางแผนออกทริปที่เราควรทราบนั้น คาซัคสถานนั้นเต็มไปด้วยพื้นที่ธรรมชาติแบบทะเลทราย-ทุ่งหญ้า-ภูเขาหิมะ ที่ค่อนข้างมีภูมิอากาศที่ต่างกันมาก โดยในฤดูร้อนจะร้อนจัดและแห้งประมาณ 20-35 องศาเซลเซียส ซึ่งก็ใกล้เคียงกับประเทศไทยทำให้ไม่ต้องปรับตัวมากนัก แต่ในฤดูหนาวจะหนาวจัดประมาณ -18 ถึง -40 องศาเซลเซียส ซึ่งต่างกันแบบสุดขั้ว! ทำให้บางพื้นที่เหมาะสำหรับไปสัมผัสหิมะหรือเล่นสกีแบบสุดๆ
จุดเด่นอีกอย่างของคาซัคสถาน ก็คือเรื่องของอาคารบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เนื่องจากเป็นประเทศที่ได้รับอิทธิพลการออกแบบสถาปัตยกรรมที่มีสไตล์แปลกตา ทั้งยังมีความใหญ่โตในแบบของโซเวียต เหมาะมากสำหรับคนที่ชื่นชอบการเก็บภาพสวยงามอลังการสำหรับสำหรับโพสต์โชว์เพื่อนๆ บน IG โดยเฉพาะ
ส่วนจะมีสถานที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง เรามาดูกันเลยดีกว่า
1. ชมความอลังการท่ามกลางธรรมชาติของเมืองหลวงเก่าอัลมาตี (Almaty)
แลนด์มาร์กแห่งแรกของคาซัคสถานที่หลายคนต้องไปเยือน นั่นก็คือเมือง “อัลมาตี (Almaty)”ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของคาซัคสถานมาก่อน ที่จะมีการโยกย้ายให้เมือง “นูร์-ซุลตัน (Nur-Sultan)” เป็นเมืองหลวงแทนในปัจจุบัน
แม้ว่าจะไม่ใช่เมืองใหญ่นัก แต่อัลมาตีก็ยังคงตำแหน่งเป็นศูนย์กลางทางการค้าและวัฒนธรรมชองคาซัคสถานอยู่เสมอ เนื่องจากเมืองนี้เป็นที่ตั้งของ “พิพิธภัณฑ์แห่งชาติคาซัคสถาน (Central State Museum of Kazakhstan)” ซึ่งภายในอาคารทรงสถาปัตยกรรมประตูหน้าแบบเสาเหลี่ยมที่ไม่เหมือนใครที่ผสมผสานระหว่างสไตล์อาหรับกับโมเดิรน์แห่งนี้ ได้มีการจัดเเสดงข้อมูลประวัติความเป็นมาของคาซัคสถาน พร้อมกับโบราณวัตถุจำนวนมากมายหลายชิ้นให้เราได้ใช้เวลาสำรวจอยู่ในนั้นได้ทั้งวันเลยทีเดียว
สถานที่อีกแห่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันเมื่อไปเยือนคาซัคสถาน นั่นก็คือมหาวิหารเซนคอฟ (Zenkov Cathedral) ที่มีการจัดสวนตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามอลังการ มีลักษณะเป็นวิหารแบบออร์โธดอกซ์ สีเหลืองสดใส ตกแต่งประดับประดายอดโดมงดงามราวกับพระราชวัง ทั้งยังมีความน่าทึ่งตรงที่วิหารไม้แห่งนี้ไม่ได้ใช้ตะปูในการสร้างเลยแม้แต่ตัวเดียว นับเป็น 1 ใน 8 สถาปัตยกรรมซึ่งสร้างด้วยไม้ที่พิเศษที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะแพนฟิลอฟ (Panfilov Park) ซึ่งก็เหมาะจะมาพักผ่อนหย่อนใจ หรือเก็บภาพสวยๆ ลง IG ก็ทำได้แทบทุกมุม
2. สำรวจวัฒนธรรมโบราณของเมืองเตอร์เกสถาน (Turkistan)
สำหรับคนที่ชื่นชอบอารยธรรมโบราณแล้วล่ะก็ ขอแนะนำให้ไปเยือนเมือง “เตอร์เกสถาน (Turkistan)” ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของคาซัคสถานได้เลย เพราะเมืองนี้เคยเป็นศูนย์กลางทางการค้าบนเส้นทางสายไหม (Silk Road) ที่รุ่งเรืองถึงขีดสุดในศตวรรษที่ 4 แม้ว่าปัจจุบันเตอร์เกสถานจะซบเซาลงไปไม่คึกคักเหมือนในอดีต แต่ก็ยังมีกลิ่นอายของความรุ่งเรืองด้านวัฒนธรรมให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเยือนได้เสมอ
โดยเมืองเตอร์เกสถานแห่งนี้มีแลนด์มาร์กสำคัญเลยก็คือ สุสานโบราณของผู้นำทางจิตวิญญาณคนสำคัญของชาวมุสลิมที่ชื่อว่า “โคจา อาห์เหม็ด ยาซาวี (Khoja Ahmed Yasawi)” ซึ่งเป็นโบราณสถานที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างยิ่งใหญ่ ตกแต่งด้วยลวดลายของกระเบื้องโมเสคสีฟ้าที่ส่องประกายโดดเด่นกลางแสดงแดด ซึ่งถูกจัดเรียงเป็นลวดลายวิจิตรที่หาชมที่ไหนไม่ได้ตลอดรอบตัวอาคาร ถือเป็นจุดที่เหมาะสำหรับการเก็บภาพสุดอลังฯ ที่น่าประทับใจ
ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ ได้กลายเป็นสถานที่แสวงบุญที่สำคัญของชาวมุสลิมจากคาซัคสถานและอุซเบกิสถานอีกแห่งหนึ่งที่ผู้ศรัทธาต้องมาเยือน นอกจากนั้นยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในมรดกโลกของยูเนสโกเมื่อปี 2003 อีกด้วย
3. สายช้อปห้ามพลาด ข่านชาเทียร์ (Khan Shatyr Entertainment Center)
ไปลุยเมืองที่มีอารยธรรมโบราณมาแล้ว ก็ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาสัมผัสความโมเดิรน์กันบ้างก็ไม่เลวนัก นั่นก็คืออาคารศูนย์กลางความบันเทิงในร่มที่ชื่อว่า “ข่านชาเทียร์ (Khan Shatyr Entertainment Center)” ซึ่งถือเป็นอาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมือง “นูร์-ซุลตัน” ซึ่งเป็นเมืองหลวง ณ ปัจุบันของคาซัคสถาน
ในแง่ของความโดดเด่นในงานดีไซน์นั้น ข่านชาเทียร์ เป็นอาคารได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกระดับโลก นอร์มัน ฟอสเตอร์ ซึ่งเขาได้รับแรงบันดาลในการออกแบบมาจากเต้นท์ที่อยู่อาศัยของชนเผ่าอันยิ่งใหญ่ในอดีต ภายในจะมีการปรับอุณหภูมิให้คงที่อุ่นสบายตลอดทั้งปี ถึงแม้จะเป็นฤดูหนาวที่หนาวเหน็บถึง -40 องศาเซลเซียสก็ไม่สะเทือนแม้แต่น้อย
ซึ่งภายในอาคารนี้ประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้าที่รวบรวมเอาแบรนด์ดังจากทั่วโลกเอาไว้ครบครัน นอกจากนั้นภายในยังมีรีสอร์ทสำหรับพักผ่อนในร่ม ชั้นบนสุดจะมีการสร้างเป็นชายหาดและทะเลจำลองให้ผู้คนเข้ามาเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาดหรือเล่นน้ำได้ แม้ว่าตัวคาซัคสถานจะเป็นประเทศที่ไม่ติดทะเล แต่เค้าก็สามารถยกทะเลมาไว้ในห้าง แถมสามารถลงเล่นน้ำได้ตลอด 365 วัน ไม่หวั่นแม้วันหิมะตกหนักแม้แต่น้อย
4. พาร่างกายไปสัมผัสน้ำเย็นฉ่ำสดชื่นที่ทะเลสาบเคนดี้ (Lake Kaindy)
แม้จะโดดเด่นในเรื่องของสถาปัตยกรรม แต่คาซัคสถานก็ยังมีธรรมชาติที่น่าตื่นตาให้เราได้ไปเยี่ยมชมอีกมาก และหนึ่งในนั้นที่ต้องไปให้ได้ก็คงไม่พ้น “ทะเลสาบเคนดี้ (Lake Kaindy)” ที่แม้จะอยู่ห่างจากตัวเมืองอัลมาตีราวๆ 291 กิโลเมตร และอาจจะต้องลำบากในการเดินทางซักหน่อยเพราะตั้งอยู่กลางป่าเขา แต่รับรองเลยว่าทิวทัศน์ของทะเลสาบแห่งนี้คุ้มค่าในการเดินทางไปเยือนแน่นอน
ทะเลสาบเคนดี้ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ “Kolsai Lakes National Park” มีขนาดความยาวราวๆ 400 เมตร เพราะเป็นแหล่งน้ำที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์แผ่นดินยุบตัวเป็นแอ่งในอดีตและเกิดการสะสมน้ำ แต่ด้วยความโดดเด่นของตัวทะเลสาบ ที่ผสานความสวยงามของผิวน้ำสีฟ้าสดใส รวมกับทิวป่าสนและหุบเขาหิมะที่ตั้งอยู่โดยรอบ นอกจากนั้นยังมีทีเด็ดตรงที่กลางทะเลสาบนั้นจะมีต้นไม้ที่เติบโตขึ้นมาอยู่กลางน้ำ ดูไกลๆเหมือนมีคนเอาไม้ขนาดสูงยาวไปปักอยู่ ดูน่าตื่นตาและเป็นของแปลกที่ทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ไม่เหมือนใครอีกด้วย
5. ไปฟังเสียงเพลงสุดอัศจรรย์ ณ เนินทรายร้องเพลง (Singing Sand Dunes)
เนื่องจากประเทศคาซัคสถานมีภูมิประเทศที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งทุ่งหญ้า ภูเขาหิมะ ทะเลสาบ สถานที่อีกแห่งที่มีความโดดเด่นและได้รับการแนะนำว่าห้ามพลาดอีกแห่งก็คือ “เนินทรายร้องเพลง (Singing Sand Dunes) แห่งคาซัคสถาน ซึ่งจะทำให้เราต้องทึ่งกับปรากฏการณ์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างอย่างแน่นอน
เนินทรายร้องเพลงแห่งนี้ ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติ “Altyn-Emel National Park” ที่อยู่ห่างจากเมืองอัลมาตีไปราวๆ 200 กิโลเมตร โดยมีจุดเด่นตรงที่เมื่อเราไต่ขึ้นไปบนยอดภูเขาทรายที่สูง 150 เมตรและยาวถึง 1.5 กิโลเมตรแห่งนี้แล้ว เราจะได้ยินเสียงดังหวู่มๆ ที่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติเมื่อลมพัดผ่านหรือเมื่อร่างกายของเราได้ลื่นไถลลงจากเนินทราย ซึ่งเสียงนี้จะสามารถดังได้สูงสุดถึง 105 เดซิเบล ซึ่งมีความดังราวกับอยู่ในงานคอนเสิร์ตเลยทีเดียว
ลองฟังเสียงดูได้ในคลิป ที่นี่ เลย
เมื่อคาซัคสถานฟรีวีซ่า ก็ยิ่งน่าไปเยือน ว่าแต่จะไปช่วงไหนดี?
ด้วยความหลากหลายทางภูมิประเทศและภูมิอากาศ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถมาเยือนคาซัคสถานได้ตลอดปี ไม่ว่าจะเป็นการเยี่ยมชมเมือง การปีนเขาในฤดูร้อน ไปจนถึงการเล่นสกีในฤดูหนาว ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการมาสัมผัสกับกิจกรรมประเภทใดเป็นหลัก เพียงแต่ต้องระวังเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่อาจเกิดขึ้นได้ในแถบเอเชียกลาง ซึ่งเราสามารถคาดการณ์จากพยากรณ์อากาศได้ผ่านพยากรณ์อากาศแบบออนไลน์ ได้ที่นี่
แน่นอนว่าการเดินทางไปท่องเที่ยวคาซัคสถาน ซึ่งเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ที่สุดขั้วขนาดนี้ สิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจก็คือเรื่องของการปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศที่แตกต่างจากบ้านเราอย่างมาก ซึ่งหากฟิตร่างกายไปไม่ดีพอก็อาจจะทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย ซึ่งสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเราจะรู้กันดีกว่าการที่ต้องพาตัวเองไปเข้าโรงพยาบาลในต่างแดนโดยเฉพาะประเทศที่ไม่คุ้นชินเป็นเรื่องที่ลำบากกว่าที่คิด
ดังนั้น สิ่งสำคัญที่เราควรต้องเตรียมตัวไปให้พร้อมไม่ว่าจะเดินทางไปยังประเทศไหน นั่นก็คือการ “การทำประกันเดินทาง” อย่าง “ประกันภัยการเดินทางต่างประเทศ ซันเดย์เอกซ์พลอเรอร์” ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมการรักษาพยาบาลตามหัวเมืองใหญ่ๆ ในคาซัคสถาน อาทิ เมืองหลวงอย่าง Nur-Sultan และเมือง Almaly ซึ่งมีโรงพยาบาลในเครือข่ายที่รองรับกว่า 10 แห่ง ที่คุณสามารถเข้าไปรักษาได้โดยไม่จำเป็นต้องสำรองค่าใช้จ่ายแม้แต่น้อย ทั้งยังให้ความคุ้มครองหากเกิดเหตุการณ์เครื่องดีเลย์ทำให้การเดินทางล่าช้า พาสปอร์ตหรือกระเป๋าเกิดสูญหายในระหว่างท่องเที่ยวอีกด้วย
อันที่จริงแล้วประเทศคาซัคสถานนั้น ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกมากเกินกว่าที่เราจะแนะนำกันในครั้งนี้ได้หมด ดังนั้นตอนนี้ที่ประเทศคาซัคสถานได้ประกาศเริ่มเปิดฟรีวีซ่าแล้ว เราก็หวังว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ชาวไทยจะได้มีโอกาสไปเยือนบ่อยครั้งและได้เก็บข้อมูล ภาพความประทับใจต่างๆ เพื่อเผยแพร่ความบริสุทธิ์ของธรรมชาติที่หลากหลายซึ่งหาชมได้ยาก รวมถึงแชร์ความตื่นตาและความอลังการของสถานที่สำคัญต่างๆ ให้คาซัคสถานได้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอีกในอนาคต