hero-image

หลอดเลือดสมองโป่งพอง ภัยเงียบไม่แสดงอาการ แต่อันตรายถึงชีวิต

สารพัดเรื่องราวรอบตัวอาจทำให้ใครหลายคน ‘ปวดหัว’ ไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งไม่เพียงแต่จะเกิดจากความเครียดที่ถาโถมเท่านั้น บางครั้งอาการ ‘ปวดหัว’ อาจเป็นสัญญาณของ ‘หลอดเลือดในสมองโป่งพอง’ – หนึ่งในโรคร้ายที่เสี่ยงเสียชีวิตกะทันหันได้โดยไม่ทันตั้งตัว

รับมือหลอดเลือดในสมองโป่งพองก่อนสายไป เพียงทำความรู้จักตัวโรค อาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันหลอดเลือดสมองโป่งพองที่นำมาฝากในบทความนี้กัน

วิธีป้องกัน-หลอดเลือดสมองโป่งพอง

รู้จัก ‘หลอดเลือดในสมองโป่งพอง’ ให้มากขึ้น

หลอดเลือดในสมองโป่งพอง เป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ทั้งยังเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอย่างกะทันหัน หรือ เกิดภาวะทุพพลภาพอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย

แต่ก่อนที่จะไปดูวิธีรับมือและป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคร้ายนี้ ลองมาทำความรู้จักตัวโรคหลอดเลือดสมองโป่งพองให้มากขึ้นในส่วนนี้กัน


หลอดเลือดในสมองโป่งพองคืออะไร?

หลอดเลือดในสมองโป่งพอง (Cerebral Aneurysm) เป็นภาวะที่ผนังเส้นเลือดในสมองเกิดการเสื่อมสภาพแบบเฉพาะจุด ส่งผลให้ผนังเส้นเลือดดังกล่าวมีความบางกว่าส่วนอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ เมื่อร่างกายเกิดภาวะความดันสูงขึ้น อาจทำให้เส้นเลือดที่มีผนังเส้นเลือดบางกว่าบริเวณอื่น เกิดการพองตัวขึ้น

หากยังมีความดันเลือดส่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เส้นเลือดที่พองตัวขึ้นก็จะยิ่งมีความเสี่ยงที่จะแตกในเวลาต่อมา ส่งผลให้เกิดภาวะเลือดออกชั้นใต้เยื่อหุ้มสมอง หรือ เนื้อสมอง จนนำไปสู่ภาวะทุพพลภาพ หรือ เสียชีวิตได้

รับมือหลอดเลือดในสมองโป่งพองก่อนสายไป

สาเหตุหลอดเลือดสมองโป่งพอง

ภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพองสามารถเกิดขึ้นได้อย่างกะทันหัน ในปัจจุบันได้มีข้อสันนิษฐานมากมายถึงสาเหตุว่าทำไมผนังเส้นเลือดในสมองถึงบางลง 

แพทย์บางส่วนลงความเห็นว่าเกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิด กรรมพันธุ์ หรือ มีภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพองแต่กำเนิด ในขณะที่แพทย์บางส่วนคาดว่าอาจเกิดขึ้นจากโรคบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรค หรือ ภาวะที่ทำให้ผนังของหลอดเลือดอ่อนแอลง

โดยสาเหตุหลอดเลือดสมองโป่งพองที่เกี่ยวข้องกับโรค หรือ ภาวะที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของผนังหลอดเลือดนั้นจะประกอบไปด้วย

  1. ความดันโลหิตสูง
  2. ไขมันในหลอดเลือด
  3. ภาวะบาดเจ็บที่สมอง หรือ ประสบอุบัติเหตุที่ส่งผลต่อสมอง
  4. ภาวะเบาหวาน
  5. ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด เช่น การติดเชื้อในหลอดเลือด ไขมันในหลอดเลือด หรือ ภาวะหลอดเลือดแดงฉีกเซาะ 
  6. ผู้ป่วยภาวะถุงน้ำ
  7. อายุที่เพิ่มขึ้น
  8. การใช้สารเสพติด
  9. การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  10. การสูบบุหรี่
  11. การรับประทานอาหารเค็มจัด ไขมันสูง หรือ มีรสจัด ติดต่อกันเป็นเวลานาน
ซื้อประกันสุขภาพเหมาจ่าย

หลอดเลือดในสมองโป่งพองมีอาการอย่างไร?

แม้จะเป็นภาวะที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่โดยทั่วไปแล้ว หลอดเลือดในสมองโป่งพองจะแสดงอาการเบื้องต้น ดังนี้

  1. หน้าเบี้ยว พูดไม่ได้ กลืนอาหารได้ลำบาก ปวดร้าวที่ใบหน้า เนื่องจากเส้นเลือดโป่งพองทับกับเนื้อสมองส่วนที่ควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้า
  2. แขนขาอ่อนแรง มีอาการเหน็บชาตามร่างกาย
  3. เห็นภาพซ้อน ภาพมัว 
  4. สับสน ซึมลง ทำอะไรเชื่องช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
  5. ความดันในสมองสูง
  6. เลือดออกในจอประสาทตา
  7. ระดับความรู้สึกตัวลดลง
  8. กลุ่มอาการรุนแรง ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน ประกอบไปด้วย อาการปวดหัวรุนแรงฉับพลัน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดตึงต้นคอ ชักเกร็ง คอแข็ง หรือ หมดสติ ให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที เนื่องจากอาจมีภาวะเส้นเลือดในสมองรั่ว แตก หรือ เส้นเลือดโป่งพองจนทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่สมองส่วนปลาย จนทำให้เกิดภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง เลือดออกที่เนื้อสมอง หรือ เกิดภาวะสมองขาดเลือดได้

หลอดเลือดในสมองโป่งพองมีอาการอย่างไร

หลอดเลือดโป่งในสมอง รักษาได้อย่างไร?

หลอดเลือดในสมองโป่งพอง เป็นระเบิดเวลาที่ไม่มีทางรู้ว่าจะแสดงอาการเมื่อไหร่ ซึ่งแนวทางการตรวจและรักษาเบื้องต้นสามารถทำได้ตามรายละเอียด ดังนี้


วิธีการตรวจหลอดเลือดในสมองโป่งพอง

หลอดเลือดโป่งในสมองเป็นภาวะที่ตรวจพบได้ยาก ส่วนใหญ่มักจะแสดงอาการก็ต่อเมื่อเข้าสู่ภาวะที่เส้นเลือดในสมองแตกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยส่วนใหญ่แล้ว การตรวจหาภาวะหลอดเลือดในสมองโป่งสามารถทำได้ 4 วิธี คือ

  1. การตรวจหลอดเลือดด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CTA) 
  2. การตรวจหลอดเลือดด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRA) 
  3. การฉีดสารทึบรังสีเพื่อตรวจสอบหลอดเลือด
  4. การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองความเร็วสูง (CT Scan)

วิธีการรักษาหลอดเลือดในสมองโป่งพอง

สมองเป็นอวัยวะสำคัญที่มีความซับซ้อนสูง หากตรวจพบหลอดเลือดในสมองโป่งพอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจลงความเห็นให้รักษาด้วย 4 วิธีเบื้องต้น ดังนี้

  1. ผ่าตัดสมอง เพื่อปิดซ่อมผนังหลอดเลือดที่เป็นปัญหา
  2. การรักษาทางหลอดเลือดผ่านทางข้อมือ หรือ ขาหนีบ โดยแพทย์จะใส่ท่อตาข่ายเพื่อให้เลือดไหลเวียนผ่านตาข่ายนี้แทนหลอดเลือดที่โป่งพอง 
  3. การใส่ขดลวด หรือ หนีบเส้นเลือดโป่งพอง เพื่อไม่ให้เลือดผ่านยังเส้นเลือดที่มีปัญหาอยู่
  4. การรักษาด้วยยาต้านแคลเซียม ลดการเกิดภาวะสมองขาดเลือด เนื่องจากการหดเกร็งของเส้นเลือดในสมอง

ผู้ป่วยหลอดเลือดสมองโป่งพองควรดูแลตัวเองอย่างไร?

การรักษาหลอดเลือดสมองโป่งพองมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงที่หลอดเลือดในสมองจะแตก ดังนั้น หากตรวจพบแล้ว ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมในทันที ทั้งนี้เพื่อลดโอกาสทุพพลภาพและเสียชีวิตโดยกะทันหันได้

ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดในสมองโป่งพองจำเป็นที่จะต้องรับประทานยาและปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาอาการและลดความเสี่ยงที่เส้นเลือดในสมองจะแตก ตลอดจนต้องดูแลรักษาสุขภาพ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเพื่อให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น งดการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และสารเสพติด รวมไปถึงลดการรับประทานอาหารเค็มจัด ไขมันสูง รวมถึงอาหารรสจัด

วิธีป้องกันหลอดเลือดสมองโป่งพอง

5 วิธีป้องกันหลอดเลือดสมองโป่งพอง คุณเองก็ทำได้!

  1. ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพื่อหาความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อหลอดเลือดในสมอง
  2. ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ เช่น การผ่อนคลายความเครียด การงดการทานอาหารเค็ม อาหารไขมันสูง รวมไปถึงการงดสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการใช้สารเสพติด
  3. หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อลดไขมันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เนื่องจากไขมันสะสมในร่างกายและหลอดเลือดเป็นตัวเพิ่มความเสี่ยงที่หลอดเลือดในสมองจะแตกได้
  4. รับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น
  5. ควบคุมอาการของโรคประจำตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง รวมไปถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือด

หลอดเลือดสมองโป่งพอง ภัยเงียบใกล้ตัวที่ต้องรู้ให้เท่าทัน ผู้ให้บริการประกันสุขภาพออนไลน์อย่าง Sunday หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความที่นำมาฝากนี้จะช่วยให้ทุกท่านได้รู้จักสาเหตุหลอดเลือดสมองโป่งพอง รวมไปถึงวิธีรับมือและป้องกันอย่างเหมาะสม 

รู้แบบนี้แล้ว หากมีอาการปวดศีรษะผิดปกติ มีความรู้สึกตัวที่เปลี่ยนไป หรือมีกลุ่มอาการเสี่ยงเกิดขึ้นกับตัว หรือ คนใกล้ตัวเมื่อไหร่ อย่าลืมรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา เพื่อลดโอกาสในการทุพพลภาพและเสียชีวิตทันที

ซื้อประกันสุขภาพเหมาจ่าย