หน้าหลัก เรื่องราวรอบตัว เปิด 5 ประเทศปลูกชามากที่สุดในโลก ใช่ประเทศที่คิดไหม?

เปิด 5 ประเทศปลูกชามากที่สุดในโลก ใช่ประเทศที่คิดไหม?

top-5-tea-producing-countries-in-the-world

เจาะลึกประเภทชาจากประเทศที่ปลูกชาได้มากที่สุดในโลก

ชาร้อน ๆ สักแก้ว หรือจะเป็นชาเขียวเย็น ๆ สักขวดระหว่างวัน ก็ทำให้เรารู้สึกสดชื่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลาย ๆ คนกลายเป็นชาเลิฟเวอร์ก็เพราะความหอมกรุ่นและรสชาติที่หลากหลายของชานี่แหละ แต่เคยสงสัยกันไหมว่าเจ้าชาเขียวที่เราดื่มกันทุกวันนี้มีที่มาจากไหนบ้าง? ทำไมชาแต่ละประเภทจึงมีลักษณะต่างกันทั้งในด้านของ สี รสชาติและกลิ่น? วันนี้เราจะพาไปไขข้อสงสัยกัน ด้วยการทำความรู้จักกับ 5 ประเทศที่ปลูกชาได้มากที่สุดในโลก

จุดกำเนิดของชา ไม่ได้มาจากประเทศญี่ปุ่น!

เรามักจะนึกถึงประเทศญี่ปุ่น เมื่อนึกถึงชาเขียว แต่จริง ๆ แล้วชามีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน ซึ่งมีประวัติชายาวนานมากที่สุดในโลก แล้วก็ยังเป็นประเทศที่มีการปลูกชามาอย่างยาวนาน ทำให้มีชาหลากหลายสายพันธุ์ หลายรูปแบบการปลูก หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ชาเขียว ชาดำ ชาอู่หลง และอีกมากมาย

ชาเริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศอื่น ๆ อย่างญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 18 โดยนำเข้าจากจีน หลังจากนั้นก็ได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้น หรือจะเป็นอย่างในประเทศอินเดียเอง ก็มีความนิยมในการดื่มชาเพิ่มขึ้นในศตวรรษที่ 19 โดยมีชาวอังกฤษนำชาไปปลูกในแถบอัสสัม ทำให้เกิดชาอัสสัมรสชาติเข้มข้นที่หลาย ๆ คนชอบกันนั่นเอง

พอได้รู้จักกับประวัติชาแบบนี้แล้ว ก็ทำให้ยิ่งอยากรู้เลยว่าประเทศที่ปลูกชามากที่สุดในโลกคือที่ไหนบ้าง แต่ละที่ต่างกันอย่างไร ซึ่งซันเดย์ได้รวมข้อมูลมาไว้ให้ด้านล่างนี้แล้ว

1. ประเทศจีน

ไม่ผิดคาด เพราะประเทศจีนถือว่าเป็นต้นกำเนิดของชา ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งปลูกและส่งออกชารายใหญ่ที่สุดของโลก ข้อมูลอ้างอิงบอกเอาไว้ว่ามีการผลิตชาได้มากสุดถึงปีละ 2.2 ล้านตันเลยทีเดียว โดยแบ่งเป็นการใช้บริโภคภายในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก

จุดเด่นของชาจีนที่ทำให้ทั่วโลกยอมรับก็คือความหลากหลายและคุณภาพของชา ด้วยสภาพอากาศและสภาพื้นที่ในการปลูกชาที่มีความแตกต่างกันออกไปทั่วประเทศ ทำให้ชาที่ได้มีความโดดเด่นเป็นของตัวเอง โดยมีหลัก ๆ ทั้งหมด 5 ประเภทด้วยกันคือ

  • ชาขาว มีฐานเพาะปลูกหลักอยู่ที่มณฑลฟูเจี้ยน เป็นชาที่มีความหอมหวาน รสชาตินุ่มนวล มักจะเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนของทุกปี
  • ชาเขียว เป็นชาที่เก็บเอามาเฉพาะแค่ยอดอ่อน ไม่ผ่านการหมัก มณฑลกุ้ยโจวถือว่าเป็นแหล่งเพาะปลูกชาเขียวชั้นนำของจีน โดยเฉพาะชาเขียวจากอำเภอเหมยถาน ที่ได้รับรางวัลว่าเป็นชาเขียวยอดเยี่ยมติดกันหลายปี
  • ชาอู่หลง หนึ่งในชาที่โด่งดังมาก ๆ ด้วยกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และรสชาติที่เข้มข้น โดยชาอู่หลงที่มีคุณภาพดีและได้รับการยอมรับมากที่สุด จะเป็นชาอู่หลงจากมณฑลฝูเจี้ยน
  • ชาแดง เป็นชาที่มีสีเข้มออกแดง เกิดจากใบชาที่ผ่านกระบวนการหมักมาแล้ว ทำให้มีรสชาติเข้มข้นกำลังดี เช่น ชาแดงกงฟู ชาแดงอิงเต๋อ เป็นต้น
  • ชาดำ เป็นชาที่ผ่านการหมักอย่างสมบูรณ์ ทำให้ได้น้ำชาที่มีสีเข้ม รสชาติเข้มข้น อย่างเช่น แลปซาง ซูชอง ซึ่งมาจากมณฑลฟูเจี้ยนเช่นกัน

2. ประเทศอินเดีย

ประเทศต่อมาที่มีการเพาะปลูกชามากที่สุดในโลกก็คืออินเดียนั่นเอง ปัจจัยที่ทำให้อินเดียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชาระดับโลกได้ก็คือสภาพของดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะในบริเวณเชิงเขาหิมาลัย รวมถึงมีสภาพอากาศที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของชาด้วยเช่นกัน

ชาจากประเทศอินเดียมีหลากหลายสายพันธุ์ที่โด่งดังไปทั่วโลก เช่น ชาอัสสัมที่มีต้นกำเนิดมาจากการที่คนอังกฤษค้นพบต้นชานี้ที่รัฐอัสสัม ประเทศอินเดีย ทำให้เกิดการเพาะปลูกมากขึ้น จนกลายเป็นชาประจำชาติหลังจากนั้นมา โดยชาอัสสัมจะมีสีเข้ม กลิ่นหอม รสชาติเข้มข้น ทำให้หลาย ๆ คนที่ชื่นชอบชาหลงรักไปตาม ๆ กัน

นอกจากนี้ก็ยังมีชาดาร์จีลิงที่โด่งดังไม่แพ้กัน โดยถูกผลิตในเมืองดาร์จีลิงของอินเดีย ซึ่งเป็นพื้นที่เชิงเขาหิมาลัย ทำให้มีดินที่สมบูรณ์ แร่ธาตุครบถ้วน ทำให้ชาชนิดนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นแชมเปญแห่งชาเลยทีเดียว เพราะมีรสชาติคล้าย ๆ กับองุ่นมัสคาเทล มีสีส้มอ่อน ๆ สวยงาม กลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้น

นอกจากนี้ กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกชาในอินเดีย ก็ยังเป็นกลุ่มที่ริเริ่มทำให้วันที่ 15 ธันวาคม เป็นวันชาสากล เพราะพวกเขาได้รวมตัวกันเพื่ออกกมาเรียกร้องสิทธิในการจำหน่ายชา เพื่อให้มีความชอบธรรมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย 

3. ประเทศศรีลังกา

ต้องบอกว่าจริง ๆ แล้วประเทศศรีลังกาในอดีต เคยถูกนำร่องให้เป็นประเทศสำหรับปลูกกาแฟ แต่มีการเกิดโรคระบาดที่ส่งผลทำให้ต้นกาแฟเสียหายเป็นจำนวนมากในช่วงปี ค.ศ. 1869 ก็เลยปรับเปลี่ยนมาปลูกชาแทน ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้ปลูกเพื่อส่งออก แต่พอเริ่มปลูกในบริเวณเมื่องแคนดี้แล้วได้ผลดี ก็เลยทำให้ภูมิภาคอื่น ๆ เริ่มปลูกตาม ๆ กันมา และมีประเทศอังกฤษคอยส่งเสริมการปลูก การจัดการและการส่งออก

ด้วยภูมิประเทศที่มีอากาศเย็น มีภูเขาเยอะ ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งปลูกชาที่ดี เหมาะสมกับการเติบโตของต้นชา โดยเฉพาะในภูมิภาคนูวารา เอลิยา (Nuwara Eliya) ซึ่งทำให้ได้ผลผลิตเป็นใบชาคุณภาพสูง รสชาติกลมกล่อม หอม เข้มและมีเอกลักษณ์ อย่างเช่นชาซีลอน ที่มีความหอมสดชื่น สีสวยงามและรสชาติเข้มข้น 

4. ประเทศเคนยา

ในเคนยาเอง การปลูกชาก็เริ่มต้นจากรัฐบาลอังกฤษที่ปกครองในช่วงแรก เมื่อประเทศเคนยาได้รับเอกราชแล้ว ทางรัฐบาลของเคนยาเองก็ยังส่งเสริมให้คนในประเทศปลูกชากันต่อมา โดยเฉพาะในทางด้านตะวันตกอย่างในเขตเคริโช เขตนาดิและเขตเยริ ซึ่งมีภูมิประเทศเหมาะสมกับการปลูกชาเป็นอย่างมาก

ประเทศเคนยามีดินภูเขาไฟที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่ช่วยทำให้ต้นชาเติบโตได้ดี มีรสชาติและสีสันที่ไม่เหมือนใคร ทำให้กลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชาระดับโลกที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง โดยส่วนมากจะส่งออกชาไปยังประเทศแถบเอเชียและยุโรป ชาที่โด่งดังคือชาเคนยา ที่มีรสชาติเข้มข้นมาก ๆ นิยมเอาไปทำชาผสมกับชาประเภทอื่น ๆ 

5. ประเทศญี่ปุ่น

ประเทศที่ปลูกชาได้มากที่สุดในโลกอันดับที่ 5 ก็คือประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง ต้องบอกก่อนว่าชากับวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอยู่คู่กันมาเป็นร้อย ๆ ปีแล้ว จะเห็นว่าในพิธีการสำคัญ ๆ อย่างงานแต่งงานเอง ก็จะมีพิธีดื่มชาอยู่ด้วย ชาของญี่ปุ่นนั้นเริ่มมีความแตกต่างและมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมากขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12 ซึ่งทำให้ชาญี่ปุ่นกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ

ชาที่มาจากญี่ปุ่นมีคุณภาพสูงเพราะมีสภาพอากาศที่เหมาะสมกับการปลูกชา อย่างในแถบชิซูโอกะ คาโกชิม่าและอุจิเอง ก็จะได้ผลผลิตชาที่มีหอมหวาน คุณภาพสูงและมีรสชาติที่นุ่มไม่เหมือนใคร ทำให้ชาญี่ปุ่นกลายเป็นที่โปรดปรานของคนรักชาทั่วโลกได้ไม่ยาก

ชาที่ขึ้นชื่อจากญี่ปุ่นไม่ได้มีแค่มัทฉะเท่านั้น แต่ยังมีเซ็นฉะ เกียมคุโระและโฮจิฉะอีกด้วย ซึ่งมีความแตกต่างกันออกไปทั้งในด้านสีสัน รสชาติและการนำมาใช้ทำเครื่องดื่มหรืออาหาร นอกจากนี้ ชาจากญี่ปุ่นยังถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม เพราะมีการคุมเข้าการผลิตอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเก็บเกี่ยว กระบวนการการผลิตไปถึงบรรจุภัณฑ์ ทำให้สามารถครองใจคนทั่วโลกได้

ดื่มชาเพื่อสุขภาพ ดื่มแต่พอดี

ถึงแม้ว่าชาจะมีหลากหลายประเภทให้เราได้เลือกดื่มกัน แต่การดื่มมากจนเกินไปก็อาจจะส่งให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนั้นควรเลือกดื่มชาอย่างเหมาะสม และเลือกชาที่เหมาะกับตัวเองด้วย เพราะชาบางประเทศจะมีระดับคาเฟอีนทึ่สูง อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ต้องการพักผ่อน หรือคนที่มีอาการวิตกกังวล แต่ซันเดย์บอกได้เลยว่าการดื่มชาเป็นประจำ ในจำนวนที่พอดี สามารถช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์จากชาได้อย่างเต็มที่แน่นอน

กำลังมองหาประกันเพื่อเป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพของคุณอยู่ใช่ไหม? ที่ซันเดย์ มีประกันสุขภาพออนไลน์สามารถเช็กเบี้ยประกันสุขภาพที่เหมาะกับคุณเองได้ง่ายๆ ใช้แค่ “วันเดือนปีเกิด” ของคุณ พร้อมเลือกแผนความคุ้มครองที่เหมาะสมกับตัวคุณได้โดยเฉพาะ ลองเช็กเบี้ยเลย!

อยากใช้ซูเปอร์แอปฯ Jolly by Sunday ต้องทำอย่างไร?

แอปประกันซูเปอร์แอปฯ Jolly by Sunday ทำอะไรได้บ้าง?

หากคุณเป็นอีกคนที่อยากใช้ซูเปอร์แอปฯ Jolly by Sunday แอปประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการทุกอย่างได้ครอบคลุมแบบนี้ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาใช้งานได้ในทันที ผ่าน App Store หรือ Google Play Store แล้วอย่าลืมติดตามข่าวสารและโปรโมชันดีๆ จากซันเดย์ในทุกๆ วันของคุณ

Share this article
Shareable URL
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

รู้จักกับ Vacation Guilt ลางานแล้วรู้สึกผิด พร้อมวิธีปรับตัวแบบมือโปร

ลางานแล้วรู้สึกผิดเกิดจากอะไร ต้องปรับตัวอย่างไรดี? มีใครเป็นแบบนี้บ้าง? ทำงานหนักมาตลอดทั้งปี…

รวมไอเดียของขวัญคริสต์มาสเพื่อสุขภาพโดนใจคนให้ ถูกใจคนรับ

รวมของขวัญคริสต์มาสเพื่อสุขภาพ จะให้เพื่อนหรือแฟนก็เลิศ! เริ่มมีอากาศเย็น ๆ มาให้สัมผัสกันในช่วงปลายปี…
health-focused-christmas-gift-ideas-for-everyone

อาการแพ้แอลกอฮอล์เป็นอย่างไร อันตรายแค่ไหน พร้อมวิธีแก้

คนแพ้แอลกอฮอล์มีอาการเป็นอย่างไรบ้าง?  อาการแพ้แอลกอฮอล์หรือแพ้เหล้าเป็นอาการที่พบได้ไม่มาก…
alcohol-allergy-symptoms-risks-and-solutions
0
Share