hero-image

ทำงานแบบนี้เหมาะกับลงทุนแบบไหน? ไม่ว่าจะอาชีพหรือตำแหน่งอะไร ก็เลือกลงทุนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ได้ ตามนี้

ยุคนี้การลงทุนไม่ใช่เรื่องไกลตัว จะเป็นพนักงานออฟฟิศมือใหม่ ผู้จัดการมือเก๋า หรือคนทำงานฟรีแลนซ์ ไม่ว่าใครก็สามารถลงทุนได้! ว่าแต่จะเลือกลงทุนในสินทรัพย์แบบไหน เพื่อส่งเงินของเราไปทำงานให้งอกเงยดีล่ะ?

ในครั้งนี้ซันเดย์ได้รวบรวมข้อมูลมาเป็นการแนะนำ ไม่ว่าคุณจะอาชีพอะไร ตำแหน่งไหน ก็เลือกรูปแบบการลงทุนให้เหมาะกับตัวเองได้ ตามนี้เลย

การลงทุนขึ้นอยู่กับความสนใจแต่ละบุคคล
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน


Table of Contents

ก่อนที่เราจะเริ่มนำเงินไปลงทุนทุกครั้ง เราควรตอบตัวเองให้ชัดเจนก่อน ดังนี

📊 กำหนดเป้าหมายว่าต้องการลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาว

  • การลงทุนระยะสั้น – ระยะกลาง ใช้เวลาไม่มาก (อาจจะใช้เวลา 1, 3, 6 เดือนถึงหลายปี) มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนมากหรือน้อยก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยง
  • ส่วนการลงทุนระยะยาว ใช้เวลานาน (อาจจะยาวนานหลายสิบปี) มีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนมาก ในขณะที่มีความเสี่ยงจากการผันผวนต่ำกว่า

📉 รับความเสี่ยงจากการลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน

ความเสี่ยงจากการลงทุน คือ โอกาสที่เราจะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่เราคาดหวังไว้จากการลงทุนนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงที่ธุรกิจจะล้ม ขายของไม่ได้ ไปจนถึงความเสี่ยงจากวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ โรคระบาดที่ส่งผลต่อกำลังซื้อ ฯลฯ เรารับความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินลงทุนได้หรือเปล่า

📚 ต้องการลงทุนแบบเข้าใจง่ายหรือซับซ้อน

การลงทุนมีตัวเลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้น กองทุน ทองคำ อสังหาฯ ค่าเงิน อนุพันธ์ ฯลฯ ซึ่งแต่ละแบบจะมีความยากง่ายและความซับซ้อนแตกต่างกันไป แน่นอนว่าผลตอบแทนและความเสี่ยงก็ไม่เหมือนกัน ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าเราต้องการลงทุนในรูปแบบไหน

⏱ มีเวลาติดตามการลงทุนมากน้อยแค่ไหน

การลงทุนบางอย่าง เราต้องใช้เวลาในการติดตามอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการลงทุนระยะสั้น อย่างการลงทุนในหุ้น หรืออนุพันธ์ แต่การลงทุนที่ไม่ต้องทุ่มเวลากับมันมากอย่างกองทุนรวม หรืออสังหาฯ มักจะเป็นการลงทุนระยะยาว


พนักงานออฟฟิศจบใหม่ จะลงทุนยังไงดี?

ผู้เริ่มต้นทำงาน (First jobber) หรือพนักงานออฟฟิศที่พึ่งเริ่มต้น เป็นกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่ชัดเจน และค่อนข้างกล้าเสี่ยง ซึ่งแต่ละคนก็จะมีปัจจัยแตกต่างกันไป ทั้งลักษณะงาน รายได้ หรือสถานะทางบ้าน ดังนั้นจึงต้องเลือกรูปแบบการลงทุนให้ดี

📊 เน้นการลงทุน : ระยะสั้น หรือ ระยะยาว

🚥 ความเสี่ยง : ปานกลาง – สูง

💰 รูปแบบการลงทุนที่น่าสนใจ :

1️⃣ กองทุนรวมหุ้น

กองทุนรวมหุ้น ก็คือการนำเงินของเราไปฝากให้ผู้เชี่ยวชาญลงทุนให้ในสินทรัพย์ประเภทหุ้น ตามแต่ละหมวดหมู่ของธุรกิจนั่นเอง เช่น กองทุนรวมหุ้นสื่อสาร กองทุนรวมหุ้นอุปโภคบริโภค กองทุนรวมอสังหาฯ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ ซึ่งมีความผันผวนไปตามผลประกอบการของบริษัท ข้อดีก็คือ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนและรับความเสี่ยงได้สูง แต่ไม่มีเวลามาลงทุนหุ้นเป็นรายตัวมากนัก มีรูปแบบกองทุนให้เลือกหลากหลาย บางกองทุนเน้นลงทุนในดัชนีหุ้นคุณภาพทำให้มีความเสี่ยงที่ราคาจะผัวผวนต่ำ แต่ก็มีบางกองทุนที่ลงทุนกับหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงเช่นกัน พนักงานบริษัทจึงควรเลือกตามความเสี่ยงที่เรารับได้

2️⃣ หุ้นในตลาดหลักทรัพย์

การลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ คือการที่เราเข้าไปซื้อหุ้นของธุรกิจต่างๆ ที่เปิดให้รายย่อยเข้าไปเป็นเจ้าของธุรกิจร่วมโดยตรง ซึ่งเราสามารถเลือกได้อย่างอิสระ ชอบบริษัทน้ำมัน บริษัทผลิตขนมปัง ฯลฯ ก็เข้าไปซื้อหุ้นของบริษัทนั้นๆ ได้ทันที แน่นอนว่าผลตอบแทนที่ได้ ก็จะขึ้นอยู่กับผลประกอบการของแต่ละบริษัทโดยตรง มีความเสี่ยงปานกลาง – สูง ขึ้นกับว่าบริษัทนั้นทำธุรกิจอะไร และควรต้องมีเวลาติดตามการบริหารงานของบริษัทที่เราลงทุนอยู่เสมอ อย่างการติดตามผลประกอบการ หรือเข้าประชุมผู้ถือหุ้นในฐานะเจ้าของกิจการร่วม

3️⃣ สินทรัพย์ความเสี่ยงสูงอื่นๆ*

*เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงและความซับซ้อนสูง ควรทำความเข้าใจให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน

🔺 คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือ เงินดิจิทัล หรือสกุลเงินเสมือนจริง ที่ได้รับการเข้ารหัสผ่านระบบบล็อกเชน (Blockchain) ทำให้สามารถยืนยันจำนวนเงินและเจ้าของเงินร่วมกันในระบบเครือข่ายได้อย่างรัดกุม ทำให้คริปโทเคอร์เรนซีได้รับการยอมรับเป็นสกุลเงินที่ใช้แลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่น หรือใช้ซื้อขายสิ่งของกันได้ แต่มีข้อควรระวังคือมีความผันผวนสูงมาก เนื่องจากคริปโทเคอร์เรนซียืนอยู่บนอารมณ์และความรู้สึกมั่นใจของคนหมู่มาก โดยไม่มีหน่วยงานใดมากำกับดูแลได้ง่ายๆ

🔺 ตลาดซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน (Forex) คือ การซื้อ – ขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินเงินตราต่างประเทศ หรือก็คือการเก็งกำไรจากค่าเงินในสกุลต่างๆ ซึ่งส่วนต่างของค่าเงินนั้นมีความผันผวนสูงมากในแต่ละวัน จากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ นโยบายทางการเงินของธนาคารกลาง การเมือง ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ฯลฯ ดังนั้นการลงทุนประเภทนี้จึงต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์และทำความเข้าใจความเคลื่อนไหวในแต่ละประเทศในเชิงลึก ซึ่งใช้เวลาและมีความเสี่ยงสูงเช่นกัน

🔺 ตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (TFEX) คือ การมัดรวมเอาหุ้นของ 50 กิจการที่มีมูลค่าสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์มารวมกัน (SET50 FUTURE) โดยจะเป็นการลงทุนที่เราจะคาดหวังว่าตลาดจะปรับตัวขึ้น (Long) หรือจะลดลง (Short) เป็นหนึ่งในรูปแบบการลงทุนที่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงตามแน่นอน ก่อนจะลงทุนประเภทนี้จึงควรศึกษาให้เข้าใจเป็นอย่างดีก่อนเท่านั้น


พนักงานระดับกลาง หรือระดับผู้จัดการ จะลงทุนยังไงดี?

สำหรับพนักงานออฟฟิศระดับโปร ที่ส่วนใหญ่มักจะมีตำแหน่งและมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว รูปแบบการลงทุนก็จะเปลี่ยนไปจากผู้เริ่มต้นทำงานอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นช่วงวัยของการสะสมสินทรัพย์เพื่อสร้างอนาคต บางคนอาจจะมองหาบ้านหรือคอนโดฯ เอาไว้อยู่อาศัย บางคนอาจจะวางแผนแต่งงานสร้างครอบครัว ดังนั้นความเสี่ยงในการลงทุนอาจจะลดลง และต้องเพิ่มการลงทุนที่ช่วยบาลานซ์ชีวิตได้มากขึ้น

📊 เน้นการลงทุน : ระยะยาว

🚥 ความเสี่ยง : ต่ำ – ปานกลาง

💰 รูปแบบการลงทุนที่น่าสนใจ :

1️⃣ กองทุนรวม SSF และ RMF

แน่นอนว่ารายได้ที่มากขึ้น ย่อมมาพร้อมกับการเสียภาษีที่มากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นการลงทุนสำหรับกลุ่มพนักงานที่มีเงินเดือนสูงขึ้น ต้องเน้นไปที่การลดหย่อนภาษีให้ได้มากที่สุดซึ่งปัจจุบันจะมีกองทุนรวม SSF (Super Savings Fund) ที่รัฐบาลกำหนดให้สามารถใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ โดยกองทุนประเภทนี้ก็มีให้เลือกลงทุนในแทบทุกระดับความเสี่ยงตามที่เราต้องการ แต่มีข้อแม้ว่าต้องถือกองทุนนี้เอาไว้อย่างต่ำ 10 ปีขึ้นไป หรือ RMF ซึ่งเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ที่ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี และจะขายได้เมื่อมีอายุ 55 ปีขึ้นได้ ดังนั้นต้องแบ่งสัดส่วนการลงทุนให้ดี

2️⃣ ตราสารหนี้หรือหุ้นกู้

ตราสารหนี้ อธิบายง่ายๆ ก็คือการที่บริษัท หรือกระทั่งรัฐบาลทำสัญญาขอกู้เงินจากประชาชนทั่วไป โดยให้เราสามารถซื้อและกลายเป็นเจ้าหนี้ให้กับบริษัทหรือองค์กรนั้นๆ นั่นเอง แน่นอนว่าการที่เราจะยื่นเงินให้ใครกู้ ก็ต้องดูความน่าเชื่อถือของผู้กู้จริงมั้ย? ถ้าเป็นภาครัฐที่มีการเงินเข้มแข็งก็มักจะน่าเชื่อถือมากที่สุด “พันธบัตรรัฐบาล” ที่มีการจำหน่ายออกมา ก็คือหนึ่งในตราสารหนี้ที่เราน่าจะเคยได้ยินกันบ่อยๆ ผลตอบแทนที่ได้จากตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาลก็มักจะแน่นอนตายตัว คล้ายกับเราปล่อยกู้แล้วได้ดอกเบี้ยมาเป็นกำไรตามระยะเวลาที่ตกลงกัน

แต่ทั้งนี้ ถ้าบริษัทหรือองค์กรที่ออกตราสารหนี้ หรือที่เราเรียกว่า “หุ้นกู้“ มาให้เราซื้อเพื่อกู้ยืมเงินเราไปลงทุนต่อไม่มีความน่าเชื่อถือ เราก็ไม่ควรไปซื้อตราสารหนี้ของบริษัทนั้นๆ ซึ่งเราสามารถตรวจสอบอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ ซึ่งจะกำหนดโดบ กลต. และมีการระบุในหนังสือชี้ชวนก่อนลงทุนทุกครั้ง

3️⃣ สินทรัพย์ความเสี่ยงสูงอื่นๆ*

*เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงและความซับซ้อนสูง ควรทำความเข้าใจให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน

🔺 ทองคำ (Gold) เมื่อก่อนคนนิยมซื้อทองคำเพราะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Heaven) แต่ในปัจจุบันนี้ทองคำมีความผันผวนของราคาสูงมาก นอกจากราคาจะขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจระดับโลกแล้วยังมีการเก็งกำไรมาเกี่ยวด้วย แต่การลงทุนทองคำทุกวันนี้พัฒนาขึ้นมากจนไม่จำเป็นต้องไปซื้อทองของจริงอีกต่อไป เพราะสามารถลงทุนผ่านโบรกเกอร์ในรูปแบบของกองทุนได้ ไม่ต่างจากกองทุนหุ้น

🔺 อสังหาริมทรัพย์ (Property) การลงทุนในอสังหาฯ ก็คือการลงทุนซื้อบ้าน คอนโดฯ ทาวน์โฮม ฯลฯ เพื่อปล่อยขาย หรือปล่อยเช่า การลงทุนประเภทนี้ถือว่ามีความเสี่ยงพอสมควร เนื่องจากต้องใช้เวลาศึกษาทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ทั้งในแง่ของการประเมินมูลค่าของอสังหาฯ การวิเคราะห์ทำเล การประเมินค่าเช่า การหาลูกค้า และข้อกฏหมายต่างๆ รวมถึงต้องมีเงินทุนสูงในระดับหนึ่ง แม้จะใช้วิธีการกู้เพื่อนำค่าเช่ามาหมุนก็ต้องมีเครดิตเพียงพอ และมีความเสี่ยงที่จะต้องเป็นภาระผ่อนชำระหากไม่สามารถหาผู้เช่าได้


ทำงานฟรีแลนซ์ จะลงทุนยังไงดี?

สิ่งสำคัญสำหรับคนทำงานฟรีแลนซ์ที่มีรายได้ไม่แน่นอน ก็คือแบ่งสัดส่วนการใช้และเก็บเงินให้ชัดเจน รวมถึงแบ่งเงินออมออกเป็นส่วนๆ เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันหรือวางแผนภาษี นอกเหนือจากนั้นจึงนำเงินมาลงทุนเพิ่มเติมได้ คนทำงานฟรีแลนซ์จะมีทั้งคนที่มีเวลาติดตามข่าวสารการลงทุน ไปจนถึงคนที่งานยุ่งจนแทบไม่มีเวลา ดังนั้นการเลือกลงทุนจึงต้องชั่งน้ำหนักและความเสี่ยงให้เหมาะสม

📊 เน้นการลงทุน : ระยะยาว

🚥 ความเสี่ยง : ต่ำ – ปานกลาง

💰 รูปแบบการลงทุนที่น่าสนใจ :

1️⃣ กองทุนรวมหุ้น

สำหรับคนทำงานฟรีแลนซ์ที่ไม่มีเวลามากนัก อาจจะพิจารณาเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้นไม่ต่างจากพนักงานออฟฟิศทั่วไป ส่วนจะเลือกลงทุนในกองทุนรวมหุ้นประเภทใดนั้น ขึ้นอยู่กับความชอบ ความเสี่ยง และผลตอบแทนที่คาดหวัง

2️⃣ หุ้นในตลาดหลักทรัพย์

กลับกัน ถ้าคุณเป็นคนทำงานฟรีแลนซ์ที่มีเวลาในการเช็กความเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์อยู่แทบจะตลอดเวลา เราอาจจะเลือกพิจารณลงทุนกับหุ้นเป็นรายตัวเลยก็ได้ ซึ่งก็จะใช้หลักคิดไม่ต่างจากอาชีพอื่นๆ นั่นคือ ต้องหมั่นติดตามอยู่เสมอว่าบริษัทนั้นทำธุรกิจอะไร และควรต้องมีเวลาติดตามการบริหารงานของบริษัทที่เราลงทุนเป็นระยะ

3️⃣ สินทรัพย์ความเสี่ยงสูงอื่นๆ*

*เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงและความซับซ้อนสูง ควรทำความเข้าใจให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุน

🔺 NFT (คริปโทเคอร์เรนซี ประเภท Non-fungible token) อาจไม่ใช่แนวทางการลงทุนที่ชัดเจน แต่มันคือช่องทางสร้างรายได้แบบใหม่ของเหล่าศิลปิน นัดวาด ฯลฯ ซึ่งจะเป็นการแปลงผลงานศิลปะที่คุณสร้าง ให้กลายเป็นสัญญาความเป็นเจ้าของบนโลกออนไลน์ โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain เพื่อให้สัญญาฉบับนั้น (Token) ไม่สามารถทำซ้ำได้ และยืนยันความเป็นเจ้าของได้ และนำเอาสัญญาไปประมูลขายผ่านช่องทางออนไลน์อีกที ปัจจุบันมีศิลปินหลายรายหารายได้จาก NFT เป็นหลักแสนถึงหลักล้าน ถ้าคุณสามารถทำผลงานที่โดนใจผู้คนได้


สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร การลงทุนก็คือส่วนหนึ่งของชีวิตที่ทุกคนควรจะศึกษาและมองหาหนทางที่เหมาะสมสำหรับตัวเอง ที่สำคัญก็คือ ก่อนจะลงทุนทุกครั้งควรบริหารจัดการด้านการเงินให้มั่นคง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามไลฟ์สไตล์ที่ตนเองต้องการ โดยที่การลงทุนนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตจนเกินไป

ซันเดย์ขอให้กำลังใจคนทำงานที่กำลังมองหาหนทางการลงทุนของตนเองทุกคนเสมอ