ภาษีเงินได้ คือ ภาษีที่ผู้มีรายได้ทุกคนจะต้องจ่ายให้กับรัฐบาลตามกฎหมายภาษีเงินได้ พ.ศ. 2469 ซึ่งจะแบ่งออกเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล
แล้วภาษีทั้ง 2 ประเภทแตกต่างกันอย่างไร ควรวางแผนลดหย่อนภาษีอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์เป้าหมายทางการเงินของตัวเอง มาทำความรู้จักเรื่องของภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีนิติบุคคล พร้อมมาดูวิธีลดหย่อนภาษีกัน
รู้จักกับภาษีเงินได้นิติบุคคล
ภาษีนิติบุคคล คือ ภาษีเงินได้ที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ โดยรวมทั้งนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ แต่ประกอบกิจการในประเทศไทย หรือมีแหล่งเงินได้จากประเทศไทย แบ่งออกเป็น 5 ประเภทด้วยกัน คือ บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน สมาคม และมูลนิธิ
การยื่นภาษีนิติบุคคลจะใช้เอกสารหรือแบบฟอร์มที่เรียกว่า ภ.ง.ด. 50 สามารถยื่นได้ทั้งช่องทางออนไลน์และยื่นแบบกระดาษกับกรมสรรพากรพื้นที่
ใครบ้างที่ได้รับการยกเว้นภาษีนิติบุคคล?
สำหรับนิติบุคคลบางประเภท ตามกฎหมายแล้วจะมีการยกเว้นหรือลดหย่อนภาษีที่มากกว่านิติบุคคลทั่วไป ได้แก่
- นิติบุคคลขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
- นิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจส่งเสริมการลงทุน
- นิติบุคคลที่บริจาคเงินเพื่อการกุศล
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีกี่ประเภท
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ ภาษีที่เสียโดยบุคคลธรรมดา ซึ่งเงินได้ที่นำมาคิดภาษีประเภทนี้จะประกอบไปด้วย
- เงินได้ตามมาตรา 40(1) เงินที่ได้จากการจ้างแรงงาน เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง เงินโบนัส เบี้ยเลี้ยง และอื่น ๆ
- เงินได้ตามมาตรา 40(2) คือ เงินที่ได้การทำงานโดยไม่ได้เป็นลูกจ้าง เช่น เงินที่ได้จากการเป็นวิทยากร ค่าคอมมิชชั่น ค่าจ้างงานอิสระ
- เงินได้ตามมาตรา 40(3) คือเงินที่ได้จากค่าลิขสิทธิ์หรือค่าสิทธิ์อย่างอื่น เช่น เงินจากพินัยกรรมหรือนิติกรรม เงินค่าตอบแทนทรัพย์สินทางปัญญา (Goodwill)
- เงินได้ตามมาตรา 40(4) คือเงินที่ได้จากการลงทุน เช่น ดอกเบี้ยเงินฝาก เงินปันผล รวมถึงคริปโทเคอร์เรนซีต่าง ๆ ด้วย
- เงินได้ตามมาตรา 40(5) คือเงินที่ได้จากการให้เช่าทรัพย์สินในรูปแบบต่าง ๆ
- เงินได้ตามมาตรา 40(6) รายได้จากการประกอบวิชาชีพอิสระ ซึ่งตามกฎหมายจะประกอบไปด้วย 5 อาชีพหลักคือ แพทย์และพยาบาลประกอบโรคศิลปะ ประณีตศิลป์ สถาปนิก ทนายความและวิศวกร
- เงินได้ตามมาตรา 40(7) คือเงินที่ได้จากการรับเหงา ทั้งค่าแรงและค่าของที่ใช้ เช่น รับเหมาก่อสร้าง รับผลิตสินค้าตามสั่ง
- เงินได้ตามมาตรา 40(8) เป็นเงินได้ที่ไม่ใช่ 40(1) – 40(7) เช่น เงินจากการธุรกิจพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรมและการขนส่ง
ตอนที่ได้รับเงินได้ตามมาตราเหล่านี้ ผู้จ่ายเงินได้มักจะมีการหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และหักออกมาแล้วเท่าที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ เมื่อถึงเวลายื่นภาษี จะต้องใช้เอกสารส่วนตัวและเอกสารรองรับการรับเงินมาแสดงให้กับกรมสรรพากรเพื่อประเมินการเสียภาษีต่อไปนั่นเอง
แบบยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
แบบฟอร์มยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะแบ่งออกได้ตามประเภทของเงินได้ข้างต้น ได้แก่
- เงินจากการทำงานหรือเงินเดือน (ภ.ง.ด. 90)
- เงินที่ได้จากการประกอบธุรกิจส่วนตัว เช่น เงินได้จากการค้าขาย การบริการ การผลิต (ภ.ง.ด. 91)
- เงินที่ได้จากการลงทุนในหุ้นหรือแหล่งอื่น ๆ (ภ.ง.ด. 94)
- เงินที่ได้จากการทำงานฟรีแลนซ์หรือรับจ้างทั่วไป (ภ.ง.ด. 90)
- เงินที่ได้จากการขายสินค้าหรือบริการ (ภ.ง.ด. 91)
ตารางเปรียบเทียบประเภทเงินได้และแบบยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ประเภทเงินได้ | ภ.ง.ด. | ลักษณะ | ตัวอย่าง |
เงินจากการทำงานหรือเงินเดือน | 90 | เงินได้จากการจ้างแรงงาน | เงินเดือน, ค่าจ้าง, รางวัล, โบนัส |
เงินที่ได้จากการประกอบธุรกิจส่วนตัว | 91 | เงินได้จากวิสาหกิจ | เงินได้จากการค้าขาย, การบริการ, การผลิต |
เงินที่ได้จากการลงทุนในหุ้นหรือแหล่งอื่น ๆ | 94 | เงินได้ประเภทอื่น | เงินปันผล, ดอกเบี้ย, เงินได้จากการลงทุน |
เงินที่ได้จากการทำงานฟรีแลนซ์หรือรับจ้างทั่วไป | 90 | เงินได้จากการจ้างแรงงาน | ค่าจ้างจากงานฟรีแลนซ์, ค่าจ้างทั่วไป |
เงินที่ได้จากการขายสินค้าหรือบริการ | 91 | เงินได้จากวิสาหกิจ | เงินได้จากการขายสินค้า, เงินได้จากการให้บริการ |
ระดับรายได้และการจ่ายภาษี
เมื่อมีรายได้ที่สูงขึ้น การคิดภาษีบุคคลธรรมดาก็จะสูงขึ้นตามลำดับขั้นที่กำหนดเอาไว้ด้วย ซึ่งอัตราภาษีจะแตกต่างกันไปตามยอดรายได้รวม ดังนี้
ยอดรายได้รวม (บาท/ปี) | อัตราภาษี | ภาษีที่ต้องจ่าย (บาท) |
ต่ำกว่า 150,000 | 0% | 0 |
150,001 – 300,000 | 5% | (รายได้ – 150,000) x 0.05 |
300,001 – 500,000 | 10% | (รายได้ – 300,000) x 0.1 + 7,500 |
500,001 – 750,000 | 15% | (รายได้ – 500,000) x 0.15 + 22,500 |
750,001 – 1,000,000 | 20% | (รายได้ – 750,000) x 0.2 + 45,000 |
1,000,001 – 2,000,000 | 25% | (รายได้ – 1,000,000) x 0.25 + 90,000 |
2,000,001 – 5,000,000 | 30% | (รายได้ – 2,000,000) x 0.3 + 440,000 |
5,000,001 ขึ้นไป | 35% | (รายได้ – 5,000,000) x 0.35 + 1,440,000 |
วิธีลดหย่อนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา
สำหรับคนที่มีฐานเงินได้ค่อนข้างสูง ก็จะต้องเสียภาษีเงินได้สูงขึ้นตามระดับที่กำหนดเอาไว้ ทำให้ต้องวางแผนด้านภาษี เพื่อหาวิธีลดหย่อนภาษีที่ช่วยทำให้จ่ายภาษีน้อยลง และสามารถนำเงินที่ต้องใช้จ่ายภาษีไปลงทุนหรือใช้จ่ายตามเป้าหมายทางการเงินได้
โดยสิ่งที่สามารถนำมาลดภาษีเงินได้นิติบุคคลได้จะมีดังนี้
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าใช้จ่ายด้านครอบครัว
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว ตามภาระที่มี ไม่เกิน 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส จะได้เฉพาะคนที่คู่สมรสไม่มีรายได้ สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 60,000 บาท
- ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร สามารถใช้ลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกินท้องละ 60,000 บาท
- ค่าลดหย่อนภาษีบุตร ซึ่งต้องเป็นลูกตามกฎหมาย และอายุไม่เกิน 20 ปี หากอายุไม่ถึง 25 ปีแต่ยังศึกษาอยู่ ก็สามารถยื่นลดหย่อนได้เช่นกัน รวมถึงลูกที่มีสถานะเป็นบุคคลไร้ความสามารถ โดยลดหย่อนได้ไม่เกินคนละ 30,000 บาท
- ค่าลดหย่อนสำหรับเลี้ยงดูบิดา มารดาที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และต้องมีรายได้สำหรับประเมินภาษีไม่เกินปีละ 30,000 บาท รวมถึงบิดาและมารดาของคู่สมรสด้วยเช่นกัน ส่วนนี้ลดหย่อนได้สูงสุดคนละ 30,000 บาท และได้ไม่เกิน 4 คน
- ค่าลดหย่อนผู้พิการ หรือทุพพลภาพ สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้แบบเหมา คนละไม่เกิน 60,000 บาทต่อปี
กองทุน ประกันและการลงทุนก็ลดหย่อนได้
นอกจากรายการลดหย่อนส่วนตัวแล้ว ก็ยังมีช่องทางลดหย่อนภาษีอื่น ๆ อีกที่ช่วยทำให้เราสามารถจ่ายภาษีได้น้อยลง ได้แก่
- จ่ายประกันสังคม ใช้ลดหย่อนได้ไม่เกินปีละ 6,300 บาท
- ประกันชีวิต รวมทั้งประกันแบบสะสมทรัพย์ มีข้อแม้คือต้องมีระยะคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป ลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปีภาษี
- ประกันสุขภาพสำหรับบิดาและมารดาก็ใช้ลดหย่อนภาษีได้ โดยไม่เกินปีละ 15,000 บาทต่อคน
- ประกันชีวิตแบบบำนาญ ระยะเวลาคุ้มครองต้องมากกว่า 10 ปีขึ้นไป สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของค่าเบี้ยที่จ่ายไป และต้องไม่เกินปีละ 200,000 บาท
- กองทุนและการออม สามารถเลือกลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพและกองทุนรวมเพื่อการออมได้ สามารถลดหย่อนภาษีได้ 30% ไม่เกิน 500,000 และ 200,000 บาทต่อปี
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ที่ต้องนำมาคำนวณภาษี ลดได้สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
- กองทุนการออมแห่งชาติลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ที่ต้องนำมาคำนวณภาษี ลดได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
- เงินลงทุนธุรกิจ สามารถลดหย่อนได้ไม่เกินปีละ 100,000 บาท
นอกจากนี้ก็จะมีเงินบริจาคที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เช่น เงินบริจาคทั่วไป เช่น บริจาคเงินให้วัด มูลนิธิต่าง ๆ สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าลดหย่อนภาษีอื่น ๆ แล้ว
สำหรับเงินบริจาคเพื่อการศึกษา การพัฒนาสังคมและสถานพยาบาลของรัฐบาล จะลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนเงินบริจาค แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักลดหย่อนภาษีแล้ว ในขณะที่ เงินบริจาคให้กับพรรคการเมืองนำมาลดหย่อนภาษีได้ไม่เกินปีละ 10,000 บาท นอกจากนี้ ใครที่ซื้อบ้านไว้ ก็สามารถใช้มาร่วมลดหย่อนภาษีได้เป็นประจำทุกปีด้วยเช่นกัน
วางแผนภาษีให้ดี เริ่มปีนี้เลย!
การเสียภาษีเงินได้ของบุคคลธรรมดามีช่องทางการลดหย่อนภาษีอยู่หลายทาง ใครที่ต้องการลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้น การซื้อประกันสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน ทั้งยังช่วยเพิ่มความอุ่นใจด้านค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้อีกด้วย
หากยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นหาประกันสุขภาพที่เหมาะกับตัวเองได้อย่างไร ลองมาเช็กประกันสุขภาพออนไลน์กับ Sunday ก่อนได้ กรอกแค่ ‘วันเดือนปีเกิด’ ก็สามารถเปรียบเทียบและหาแผนประกันที่เหมาะสมได้ง่าย ๆ พร้อมเลือกรับความคุ้มครองที่เมคเซนส์ในเบี้ยประกันที่เหมาะสมได้ตามต้องการทันที