ไขมันพอกตับ ไม่อ้วนก็เป็นได้ โรคร้ายที่หลายคนมองข้าม
หลายคนเข้าใจผิดว่าโรคไขมันพอกตับเป็นโรคของคนอ้วนเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะมีรูปร่างผอมบางหรือน้ำหนักปกติก็ตาม สาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่เราอาจมองข้ามไป ดังนั้นซันเดย์จะพาทุกคนไปรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้น รวมถึงการดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงไขมันพอกตับด้วย
เลือกอ่านประเด็นที่สนใจ
ไขมันพอกตับ คืออะไร?
ไขมันพอกตับเป็นภาวะที่มีไขมันส่วนเกินสะสมอยู่ในเซลล์ของตับเป็นจำนวนมากเกินไป จนทำให้ตับทำงานผิดปกติ ไม่สามารถทำงานได้ตามเดิม ความน่ากลัวของโรคนี้คือมันจะไม่แสดงอาการออกมาในช่วงแรกที่มีโรค ทำให้หลาย ๆ คนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคนี้ จนกระทั่งมีความรุนแรงมากขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดความเสี่ยงไขมันพอกตับ
สไตล์การใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันทำให้มีความเสี่ยงไขมันพอกตับสูงขึ้นมาก เพราะมีทั้งอาหารมื้อด่วน อาหารแปรรูป และการใช้ชีวิตที่เร่งรีบจนไม่ได้ดูแลสุขภาพ ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคนี้มากขึ้นก็คือ
- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ภาวะดื้ออินซูลิน
- โรคอ้วน
- ภาวะไขมันในเลือดสูง
- การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาสเตียรอยด์ต่าง ๆ
นอกจากนี้ ผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างเช่นเบาหวานและไทรอยด์เองก็ส่งผลทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นภาวะไขมันพอกตับเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้แล้ว ผู้ป่วยไขมันพอกตับก็มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอีกมากมาย เช่น
- ตับอักเสบ
- ตับแข็ง
- มะเร็งตับ
ไขมันพอกตับ อาการเป็นอย่างไรบ้าง?
โดยปกติแล้ว ผู้ป่วยที่มีอาการของโรคนี้ มักจะพบกับอาการเหล่านี้
- อ่อนเพลีย เมื่อยล้าผิดปกติ
- คลื่นไส้อาเจียนอยู่บ่อย ๆ
- ปวดท้องบริเวณใต้ชายโครงขวา
- น้ำหนักลดลงอย่างไม่มีสาเหตุ
- หากมีอาการรุนแรงมาก จะมีอาการตัวเหลืองและตาเหลืองร่วมด้วย
หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้ ซันเดย์แนะนำให้รีบเข้าพบแพทย์เพื่อทำการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจน จะได้ทำการรักษาต่อได้อย่างทันท่วงที
วิธีตรวจไขมันพอกตับ
ส่วนมากแล้วการตรวจหาข้อบ่งชี้ของไขมันพอกตับคือการตรวจเลือดเพื่อตรวจระดับเอนไซม์จากตับ ตรวจระดับไขมันในเลือดและระดับน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ก็อาจจะมีการทำอัลตราซาวด์เพื่อดูการสะสมของไขมันเพิ่มเติม
วิธีการรักษาโรคไขมันพอกตับ
การรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค และแตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคลด้วย เพราะมีหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ปัจจัยด้านสุขภาพ หากมีโรคประจำตัวที่ต้องรับประทานยาเป็นประจำ ก็จะต้องปรึกษากับแพทย์ผู้ดูแลก่อนทำการรักษาร่วมกัน แต่ส่วนมากแล้ว ผู้ป่วยไขมันพอกตับมักจะต้องเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหารและการดูแลตัวเอง เช่น
- ควบคุมอาหาร โดยเลือกกินอาหารที่มีไขมันต่ำ และมีไขมันดี
- งดการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้โรคมีความร้ายแรงมากขึ้น
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้น
ในผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอย่างเบาหวานอยู่แล้ว และไม่เคยได้รับการรักษา แพทย์ก็มักจะมุ่งเน้นไปที่การรักษาโรคที่เป็นต้นตอให้มีอาการคงที่ พร้อม ๆ ไปกับการปรับพฤติกรรม เพื่อช่วยทำให้อาการดีขึ้นนั่นเอง
ดูแลสุขภาพให้ดี ก่อนสายเกินแก้
หากคุณอยากมีสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากโรคนี้ ซันเดย์แนะนำให้เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันดี และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้แล้ว
และแน่นอนว่านอกจากการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ การวางแผนลดความเสี่ยงให้รอบด้านก็สำคัญ ลองมองหาประกันสุขภาพดี ๆ ติดตัวไว้สักหน่อย ให้เบาใจเมื่อมีอาการป่วย เพราะไม่ต้องหนักใจกับค่ารักษาที่อาจจะสูงกว่าที่คิด เข้ามาเลือกดูประกันสุขภาพดี ๆ ได้ที่ซันเดย์
อยากใช้ซูเปอร์แอปฯ Jolly by Sunday ต้องทำอย่างไร?
หากคุณเป็นอีกคนที่อยากใช้ซูเปอร์แอปฯ Jolly by Sunday แอปประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการทุกอย่างได้ครอบคลุมแบบนี้ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาใช้งานได้ในทันที ผ่าน App Store หรือ Google Play Store แล้วอย่าลืมติดตามข่าวสารและโปรโมชันดีๆ จากซันเดย์ในทุกๆ วันของคุณ