หน้าหลัก เรื่องการลงทุน เช็กก่อนซื้อ! กองทุน SSF และ RMF ต่างกันยังไง? มีเงื่อนไขอะไรบ้าง?

เช็กก่อนซื้อ! กองทุน SSF และ RMF ต่างกันยังไง? มีเงื่อนไขอะไรบ้าง?

SSF RMF ต่างยังไง

กองทุน SSF และ RMF ต่างกันยังไง? แบบไหนเหมาะกับลดหย่อนภาษี?


สำหรับใครที่กำลังจะออมเงิน หรือลดหย่อนภาษีด้วยกองทุน ต้องบอกว่า กองทุน SSF และ กองทุน RMF ก็เป็นการลงทุนที่น่าสนใจอย่างมาก ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินชื่อกองทุนทั้งสองนี้อย่างแน่นอน แต่หลายๆ คนอาจยังไม่แน่ใจว่าทั้งสองกองทุนนี้ต่างกันและมีเงื่อนไขยังไงบ้าง? และหากอยากจะนำไปลดหย่อนภาษี กองไหนจะดีกว่ากัน? ตามไปหาคำตอบได้ในบทความนี้เลย

กองทุน SSF และ RMF คืออะไร?

SSF หรือ Super Saving Funds นั้นเป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่ง โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการออมในระยะยาว โดยสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ โดยสามารถเลือกลงทุนในตลาดเงิน ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ หรือกองทุนผสมก็ได้

ในส่วนของ RMF หรือที่มีชื่อเต็มๆ ว่า Retirement Mutual Fund นั้นเป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นกองทุนที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการออมเงินเพื่อการเกษียณเช่นเดียวกัน และจะเป็นการเน้นการลงทุนต่อเนื่องในระยะยาว โดยสามารถลงทุนได้ทุกประเภทสินทรัพย์ ทั้งตราสารหนี้ กองทุนผสม หรือจะเลือกลงทุนในหุ้นต่างประเทศหรือในประเทศก็ได้


มาถึงตรงนี้หลายๆ คนก็อาจจะกำลังสงสัยว่ากองทุนทั้งสองประเภทต่างกันยังไง? เพราะมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก เราลองไปตามดูสิว่า จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันยังไงบ้าง

SSF และ RMF ต่างกันยังไง?

  • SSF ต้องถือไม่น้อยกว่า 10 ปี นับจากวันที่ซื้อ แต่กองทุน RMF มีเงื่อนไขอยู่ที่ถือขั้นต่ำ 5 ปีเท่านั้น และสามารถขายได้ตอนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
  • RMF ต้องมีการซื้อต่อเนื่องอย่างน้อยปีเว้นปี แต่ SSF ไม่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
  • ในส่วนของการลดหย่อนภาษี กองทุน SSF มีเงื่อนไขคือสามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ และไม่เกิน 200,000 บาท ส่วน RMF สามารถลดหน่อยได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนออมแห่งชาติ ประกัน หรือกองทุนบำนาญอื่นๆ แล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
Sunday Tips
เปิด 3 เทคนิคเลือกกองทุนให้ตอบโจทย์

1. พิจารณาความต้องการและเป้าหมาย
หากต้องการลงทุนเพื่อการเกษียณเป็นหลัก กองทุน RMF ก็น่าสนใจไม่น้อย แต่หากจะเน้นการออมระยะยาว อาจพิจารณากองทุน SSF แทน

2. พิจารณาอายุเพื่อที่จะได้คำนวณระยะเวลาในการลงทุน
เช่น หากคุณอายุ 50 ปีแล้ว จะเลือกลงทุนในกองทุน SSF กว่าจะขายขายคืนได้ก็ใช้เวลา 10 ปี ซึ่งถึงตอนนั้นคุณก็จะมีอายุ 60 ปี แต่หากเป็นกองทุน RMF ก็จะสามารถขายคืนได้ตอนอายุ 55 ปี

3. พิจาราณาความเสี่ยงในการลงทุนที่ตนเองสามารถรับได้
หากอายุเยอะแล้วการเลือกลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงก็อาจไม่เหมาะ เพราะยิ่งอายุมากขึ้น แน่นอนว่าเราไม่สามารถแบกรับความเสี่ยงในการขาดทุนได้สูงเท่าตอนอายุยังน้อย
กองทุน SSF และ RMF คืออะไร?

หากอยากซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี จะเลือกกองทุน SSF หรือ RMF ดี?

หากถามว่าซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีไหนดีนั้น จริงๆ แล้วทั้ง 2 กองทุนก็เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษีทั้งคู่ แต่อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่ากองทุน SSF สามารถลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้ และไม่เกิน 200,000 บาท ส่วน RMF สามารถลดหน่อยได้ไม่เกิน 30% และไม่เกิน 500,000 บาท แต่ข้อแตกต่างก็คือ กองทุน SSF อาจจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาวมากกว่า 10 ปี ในขณะที่กองทุน RMF จะเหมาะกับคนที่ต้องการออมเงินเพื่อการเกษียณ โดยเฉพาะผู้ทำงานอาชีพอิสระที่ไม่มีสวัสดิการและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมไปถึงพนักงานลูกจ้างทั่วไปที่ต้องการจะออมเงินมากขึ้น

*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน

ขอบคุณข้อมูลจาก: SCB

บทความน่าอ่าน > DCA คืออะไร ควร DCA ในหุ้นหรือกองทุนดี?

ทำความเข้าใจการลงทุนแบบ DCA มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร

การมองหาประกันเอาไว้ป้องกันความเสี่ยง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยทำให้คุณวางแผนการเงินได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากคุณกำลังมองหาประกันสุขภาพ ที่ครอบคลุม ราคาเมคเซนส์ ลองคลิกที่ ซันเดย์

Share this article
Shareable URL
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

เลือกให้แล้ว! ประกันชีวิตสุดคุ้ม ใช้ลดหย่อนภาษีปี 2567

ประกันชีวิตตอบโจทย์ทั้งลดหย่อนภาษี สภาพคล่อง และเป้าหมายการทางเงิน แม้จะช่วยลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท แต่…
life-insurance-and-tax-deduction

สรุปครบ! ทำ Affiliate Program รายได้คำนวณยื่นภาษีอย่างไร?

รู้ก่อนทำ! เข้า Affiliate Program คำนวณรายได้เพื่อยื่นภาษีอย่างไร? นาทีนี้เชื่อว่าใครๆ ก็ต้องรู้จักแล้วว่า…
affiliate-program-and-tax-management
0
Share