หน้าหลัก รู้ทันประกันรถยนต์ BYD Seal vs Tesla Model 3 เลือกคันไหนดี มาดูกัน!

BYD Seal vs Tesla Model 3 เลือกคันไหนดี มาดูกัน!

เปรียบเทียบ BYD Seal vs Tesla Model 3

เปรียบเทียบ BYD Seal กับ Tesla Model 3 ซื้อคันไหนถึงจะถูกใจ?

เลือกซื้อรถยนต์คันใหม่ทั้งทีในยุคนี้ ต้องเลือกรถยนต์ที่มีความเหมาะสมกับการใช้งาน อีกทั้งยังต้องดูเรื่องฟีเจอร์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ด้วย สำหรับใครที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV คันใหม่อยู่ เชื่อว่าน่าจะเกิดการเปรียบเทียบของ BYD Seal กับ Tesla Model 3 เพราะราคาเปิดตัวเท่า ๆ กัน แถมยังมีข้อดีข้อเด่นที่สูสีกันอีกด้วย

วันนี้ซันเดย์จะพาทุกคนไปสำรวจกันว่า BYD Seal กับ Tesla Model 3 มีข้อดีต่างกันอย่างไร เลือกรถยนต์คันไหนถึงจะเหมาะสมกับการใช้งานของเราให้มากที่สุด

BYD Seal 

BYD Seal ไม่เกิน 2 ล้านบาท

เริ่มต้นกันที่รถยนต์ไฟฟ้า BYD Seal ที่เป็นรถยนต์ซีดานระดับพรีเมียม ถึงแม้ว่าจะเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มาจากจีน แต่มีลูกเล่นและฟีเจอร์ที่น่าสนใจไม่แพ้กับรายใหญ่ระดับโลกอย่าง Tesla เลยทีเดียว จุดเด่นของ BYD Seal คือระบบการขับเคลื่อนแบบ AWD (4 ล้อ) มี 2 มอเตอร์และ 523 แรงม้า สามารถเร่งเครื่องจนถึง 100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.8 วินาทีเท่านั้น รองรับระยะทางการวิ่งสูงสุดถึง 580 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มถังหนึ่งครั้ง อีกทั้งยังใช้เทคโนโลยี CTB (Cell To Body) ที่รวมเอาแบตเตอรี่ไว้กับตัวถังรถเลย ลดความซับซ้อนเมื่อต้องซ่อมบำรุงแบตเตอรี่

อีกหนึ่งจุดเด่นที่ถ้าเทียบกับ Tesla แล้ว BYD มีแรงม้าและแรงบิดเยอะกว่า อัตราเร่งสูงกว่า ระยะทางวิ่งสูงสุดมากกว่า แต่ก็เสียเปรียบตรงที่ความเร็วสูงสุดน้อยกว่า Tesla Model 3 และถึงแม้ว่าจะมีขนาดแบตเตอรี่ที่จุไฟฟ้าได้มากกว่า แต่ก็ไม่ได้ทำให้ได้เปรียบมากขนาดนั้น ถ้าพูดถึงเรื่องพื้นที่เก็บของ ก็ถือว่ายังมีน้อยกว่า Tesla Model 3 ด้วยเช่นกัน

ดังนั้นอาจจะพูดได้ว่า BYD Seal เหมาะกับคนที่อยากได้รถยนต์ไฟฟ้าที่ขับแล้วได้ความรู้สึกนุ่มนวล มีขนาดใหญ่ ขับทางไกลได้สะดวกและไม่จำเป็นต้องใช้ระบบ Softwear อื่น ๆ เช่น Auto pilot เป็นประจำ

Tesla Model 3

Tesla Model 3 ราคาไม่เกิน 2 ล้าน

ถึงแม้ว่า Tesla Model 3 จะมีขนาดคันรถที่เล็กกว่า BYD Seal แต่ก็มาพร้อมกับพื้นที่จัดเก็บสัมภาระที่ค่อนข้างใหญ่ โดยด้านหน้ามีความจุ 88 Frunk และมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังจุได้ถึง 649 ลิตรเลยทีเดียว นอกจากนี้แล้ว Tesla Model 3 ก็ยังมีระบบ Software ที่โดดเด่นมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นระบบ Autopilot  มีหน้าจอระบบสัมผัสภายในห้องโดยสารที่ใช้งานง่าย มีระบบเสถียรกว่า BYD อย่างแน่นอน 

หากใครที่มองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีระบบดี เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก มีสถานีชาร์จค่อนข้างเยอะ ซันเดย์คิดว่า Tesla Model 3 น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่าอย่างแน่นอน

เปรียบเทียบความแตกต่างของ BYD Seal vs Tesla Model 3 

วิธีเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน

ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่มาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น BYD Seal หรือ Tesla Model 3 ก็ตาม ซันเดย์อยากให้ทุกคนลองกลับมาดูก่อนว่าเราเป็นคนใช้รถยนต์ในลักษณะไหน ไลฟ์สไตล์แบบไหน เพื่อที่จะได้เลือกรถยนต์ให้เหมาะสมกับการใช้งานได้มากที่สุด โดยวิธีเลือกรถยนต์ให้เหมาะสมก็ทำได้ง่าย ๆ ตามนี้

  • ดูการใช้งานหลักของเรา เช่น ปกติเราใช้ขับในเมืองเป็นส่วนมาก หรือใช้เดินทางไกลเป็นประจำ ระยะทางที่วิ่งในแต่ละวันอยู่ที่กี่กิโลเมตร ถ้าขับในเมืองเป็นหลัก การเลือกรถยนต์ที่คันเล็กหน่อยก็จะทำให้สะดวกมากขึ้น แต่ถ้าใช้สำหรับครอบครัว รถยนต์ที่มีห้องโดยสารใหญ่ขึ้นก็น่าจะตอบโจทย์มากกว่า
  • สเปคของรถยนต์ไฟฟ้า ควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน เช่น ถ้าขับทางไกลบ่อย ๆ ควรเลือกรถยนต์ที่มีความจุแบตเตอรี่เยอะและมีสถานีชาร์จเยอะ รวมถึงระบบความปลอดภัยต่าง ๆ ที่เหมาะกับการเดินทางไกลมากกว่า
  • ความรู้สึกในการขับจริง ซันเดย์เข้าใจว่าคนขับรถแทบจะทุกคนชอบความรู้สึกของเครื่องยนต์ที่ต่างกัน บางคนชอบความนุ่ม บางคนชอบความแรง ก่อนจะเลือกซื้อรถยนต์คันใหม่ อยากให้ทดลองขับจริงก่อน เพื่อดูว่าระบบและสมรรถภาพของรถยนต์ตรงใจเราหรือไม่
  • ระบบที่มาพร้อมกับรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นระบบการขับที่เหมาะสมกับสภาพถนนรูปแบบต่าง ๆ จนถึง Software ที่มีความเสถียร ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการใช้งานได้ดี
  • มองถึงค่าบำรุงรักษาที่ตามมา เพราะรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละยี่ห้อก็มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงแตกต่างกันออกไป ควรเลือกยี่ห้อที่เราสามารถจ่ายค่าบำรุงรักษาได้อย่างสะดวก

นอกจากนี้ การศึกษาเบี้ยประกันสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อที่สนใจก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่รถยนต์ไฟฟ้ายังมีศูนย์ดูแลให้บริการไม่มากเท่าที่ควร ทำให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือการดูแลรักษาสูงกว่าปกติ รวมถึงมีตัวเลือกจำกัดในการส่งซ่อม การเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะกับการใช้งานและตัวรถเอาไว้ ถือว่าช่วยทำให้เบาใจในด้านการดูแลรักษาไปได้เยอะเลยทีเดียว

เลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าที่ไหนดี?

ปัจจุบันนี้ บริษัทประกันหลาย ๆ ที่ได้ออกแบบประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้ามาให้ได้เลือกใช้บริการกันแล้ว โดยมีความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไปตามประเภทและเบี้ยประกัน สิ่งที่ดีที่สุดก่อนเลือกซื้อประกันรถยนต์ไฟฟ้า คือการเปรียบเทียบเบี้ยประกัน ความคุ้มครอง จำนวนศูนย์ให้บริการและข้อกำหนดอื่น ๆ อย่างละเอียด เพื่อให้ได้ประกันภัยรถยนต์ที่ถูกใจที่สุด

ใครยังไม่รู้ว่าจะไปหาประกันรถยนต์ไฟฟ้าจากที่ไหน ลองแวะไปเช็คค่าเบี้ยและความคุ้มครองบนเว็บไซต์ซันเดย์ และซื้อออนไลน์กันได้เลย!

Share this article
Shareable URL
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

เหตุผลที่เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าแพงกว่ารถยนต์ทั่วไป

ทำไมเบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้าถึงแพงกว่าประกันรถยนต์ทั่วไป? “ประกันรถยนต์ไฟฟ้าแพงไหม” เป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายๆ…
why-ev-car-insurance-premium-more-expensive

จริงไหม? รถยนต์ไฟฟ้า ประหยัดกว่ารถน้ำมัน

รถ EV ที่ไม่ได้มีแค่รักษ์โลก แต่ประหยัดได้มากกว่า! ในยุคที่คนรอบ ๆ ตัวเริ่มหันไปใช้งาน รถยนต์ไฟฟ้า…
benefits-of-electric-cars-vs-gasoline-cost-savings
0
Share