เปลี่ยนสุขภาพด้วย “Biohacking” เทรนด์สุขภาพ ปี 2024
หากพูดถึงเทรนด์ที่กำลังมาแรงอย่างมากในตอนนี้ หนึ่งในนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นเทรนด์สุขภาพ ในบทความนี้เราจึงอยากจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับเทรนด์สุขภาพปี 2024 นั่นก็คือ Biohacking ไปดูกันว่า Biohacking นั้นคืออะไร? และหากอยากจะเริ่มทำ Biohacking จะสามารถทำได้อย่างไรบ้าง?
Biohacking คืออะไร?
Biohacking ในปี 2024 นี้นับว่าเป็นเทรนด์ที่มาแรงอย่างมาก Biohacking ก็คือการที่เรา “แฮ็ก” ร่างกายของเรา เพื่อที่จะได้จัดการให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเทรนด์ Biohacking นี้เป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนที่ต้องการมีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีอายุที่ยืนยาว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าชื่อ Biohacking จะฟังดูเป็นอะไรที่ซับซ้อน แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรซับซ้อนมากมาย เราไม่จำเป็นต้องไปตัดพันธุกรรมหรือทดลองอะไรในห้องทดลอง แต่จะเป็นการทดลองกับตัวเองเป็นหลักนั่นเอง
เริ่มต้นทำ Biohacking
ต้องบอกว่าการทำ Biohacking นั้นมีหลายแขนงหลายขวบนการด้วยกัน เช่น การทำ Biohacking ที่เกี่ยวข้องกับการทานอาหาร ก็จะเรียกว่า Nutrigenomics หรือการบำบัดด้วยความเย็น ก็จะเรียกว่า Cryotherapy ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าหัวใจสำคัญของการทำ Biohacking นั้นก็คือการเริ่มทำการทดลองด้วยตัวเองว่าอะไรเหมาะกับเรา
เปิด 4 วิธีทำ Biohacking
1. โภชนพันธุศาสตร์ (Nutrigenomics)
โภชนพันธุศาสตร์หรือ Nutrigenomics นั้นเป็นการศึกษาความสัมพันธ์ของ DNA และการตอบสนองแต่ละชนิด แต่หากใครอยากลองทำวิธีนี้ ก็ไม่ต้องเอา DNA ไปตรวจแต่อย่างใด แต่ให้ลองสังเกตว่าร่างกายเราตอบสนองต่อสารอาหารแต่ละชนิดอย่างไร เช่น ดื่มคาเฟอีนแล้วตกบ่ายรู้สึกเพลียๆ ไหม? หรือนอนหลับยากหรือเปล่า? ซึ่งหากเราสามารถแยกแยะได้ว่าร่างกายเราตอบสนองกับสารอาหารประเภทไหนได้ดี ก็จะช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง
2. การบำบัดฟื้นฟูด้วยการใช้ไอเย็น (Cryotherapy)
การทำ Cryotherapy นั้นก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์สุขภาพ 2024 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในทางการแพทย์มักจะถูกนำมาใช้เพื่อลดความเจ็บปวดหลังผ่าตัด แต่คนที่อยากมีสุขภาพที่ดี ก็สามารถทำ Cryotherapy เพื่อทำให้กล้ามเนื้อยืดและคลายตัวได้ดีขึ้นได้ เช่น เวลาที่เราออกกำลังกายเวทเทรนด์นิ่งมาหนักๆ หากอยากจะฟื้นฟูกล้ามเนื้อและอยากให้กล้ามเนื้อคลาย การบำบัดด้วยการใช้ไอเย็นก็จะเข้าไปลดการไหลเวียนของเลือด ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวลดอาการตึงอักเสบต่างๆ ได้ ส่งผลให้เราออกกำลังกายได้แบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ศาสตร์การบำบัดด้วยเสียง (Sound Healing)
สำหรับการทำ Sound Healing นั้นจะเป็นหลักการการใช้คลื่นความถี่ที่แตกต่างกันมาเพื่อเยียวยาจิตใจ โดยคลื่นบำบัดจะเป็นการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทและคลื่นความถี่ที่แตกต่างของสมอง คือ คลื่นเดลตา คลื่นธีตา คลื่นอัลฟา และคลื่นเบตา ซึ่งคลื่นเดลตาและธีตาจะเป็นคลื่นความถี่ต่ำในช่วงเวลาที่เรางัวเงียหรือนอนหลับ ส่วนคลื่นอัลฟาและเบตา จะเป็นคลื่นความถี่สูงในช่วงที่ร่างกายตื่น ซึ่งคลื่นในช่วงที่เรางัวเงีย ก่อนเข้านอน หรือหลับลึก จะเป็นคลื่นที่มีความถี่ต่ำ หมายความว่าเมื่อสมองได้รับคลื่นความถี่ต่ำก็จะทำให้ร่างกายเราผ่อนคลายขึ้นนั่นเอง
4. การฝึกพัฒนาความยืดหยุ่นของโครงสร้างร่างกาย (Mobility Training)
Mobility นั้นมาจากคำว่า Move + Ability ซึ่งถ้าแปลตรงตัว Mobility Training ก็จะแปลว่าความสามารถในการเคลื่อนไหว โดยการฝึกนั้นจะเป็นการเน้นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อหรือใช้กล้ามเนื้อ เอ็น และข้อต่างๆ ให้เต็มช่วงการเคลื่อนไหว ข้อดีก็คือจะทำให้กล้ามเนื้อของเรายืดหยุ่น ป้องกันการบาดเจ็บ และหากฝึกไปเรื่อยๆ จะทำให้เราสามารถออกแรงกล้ามเนื้อได้เต็มที่มากขึ้น นอกจากนี้ก็ยังเป็นการฝึกให้ระบบประสาทควบคุมการเคลื่อนไหว และเสมือนเป็นการเตรียมความพร้อมในการเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมต่างๆ ด้วยเช่นกัน
ใครที่กำลังสนใจอยากเริ่มทำ Biohacking ละก็สามารถนำวิธีที่เราแนะนำไปไปลองปรับใช้กันได้เลย แต่ทางที่ดีอาจทำการปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญร่วมด้วย เพื่อที่เราจะปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง และมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน แต่นอกจากจะดูแลสุขภาพกันแล้ว ก็อย่าลืมทำประกันสุขภาพออนไลน์ เพราะต่อให้เราดูแลสุขภาพดีแค่ไหน แต่เราก็ไม่อาจทราบได้เลยว่าวันไหนจะเจ็บป่วยขึ้นมา ดังนั้นทำประกันเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความคุ้มครองให้กับร่างกายของเราด้วยดีกว่า
อ้างอิง; Phyathai , Coachandcraft
อยากใช้ซูเปอร์แอปฯ Jolly by Sunday ต้องทำอย่างไร?
หากคุณเป็นอีกคนที่อยากใช้ซูเปอร์แอปฯ Jolly by Sunday แอปประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการทุกอย่างได้ครอบคลุมแบบนี้ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาใช้งานได้ในทันที ผ่าน App Store หรือ Google Play Store แล้วอย่าลืมติดตามข่าวสารและโปรโมชันดีๆ จากซันเดย์ในทุกๆ วันของคุณ