หน้าหลัก สาระสุขภาพ “ท้องเสีย” โรคประจำหน้าร้อน ไม่รีบรักษาอาจเสี่ยงถึงชีวิต

“ท้องเสีย” โรคประจำหน้าร้อน ไม่รีบรักษาอาจเสี่ยงถึงชีวิต

ท้องเสียโรคหน้าร้อนเสี่ยงถึงชีวิต แต่หลายคนไม่ทันระวัง!

ฤดูร้อนของประเทศไทยไม่ได้มีแค่อากาศที่ร้อนจัด แต่ยังมาพร้อมกับฝนตกหนักในบางช่วงเวลา ส่งผลให้ร่างกายของใครหลายคนล้มป่วยลงจากสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างต่อเนื่อง 

ท้องเสีย” เป็นอีกหนึ่งโรคประจำหน้าร้อนที่เกิดขึ้นบ่อย แต่หลายคนกลับมองข้าม เนื่องจากมองว่าเป็นอาการเจ็บป่วยทั่วไปที่สามารถหายได้เอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้จะดูเป็นอาการเจ็บป่วยธรรมดา แต่หากไม่รักษาอย่างถูกต้อง หรือ รู้เท่าทันอาการเสี่ยง ภาวะท้องเสียธรรมดานี้อาจลุกลามจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

What causes diarrhea?

ท้องเสีย” หรือ “ท้องร่วง” คืออะไร?

ท้องเสีย หรือ ภาวะท้องร่วง (Diarrhea) คือ ภาวะที่ร่างกายถ่ายอุจจาระเหลว หรือถ่ายออกมาเป็นน้ำมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน

ท้องเสียเป็นภาวะที่เกิดจากการที่ลำไส้มีการบีบตัวที่ผิดปกติ หรือ มีการติดเชื้อจากไวรัส แบคทีเรีย หรือพยาธิ หรือในบางกรณี ท้องเสียอาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆ อย่างอาหารไม่ย่อย แพ้อาหาร หรือเป็นผลข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิด 

โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการท้องเสียมักจะหายได้เองภายใน 1 – 2 วัน แต่หากมีอาการที่รุนแรงขึ้น เช่น มีอาการปวดท้องรุนแรง หรือ มีการถ่ายเหลวติดต่อหลายครั้งภายใน 1 วัน ก็อาจนำไปสู่ภาวะที่ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่ได้ ซึ่งหากไม่รีบเข้ารับการรักษาทันที อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

สรุปสั้นๆ

  • ท้องเสีย คือ ภาวะที่ร่างกายถ่ายอุจจาระเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน
  • ท้องเสียเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น เชื้อโรค พยาธิ อาหารไม่ย่อย แพ้อาหาร หรือ ผลข้างเคียงกับยา
  • หากอาการท้องเสียรุนแรงขึ้น อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและเป็นอันตรายได้

ท้องเสียมีกี่แบบ?

  1. ท้องเสียเฉียบพลัน (Acute Diarrhea) 

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือปรสิต อาหารเป็นพิษ หรือผลข้างเคียงจากยา มักมีอาการถ่ายเหลว ปวดท้อง หรือ บางครั้งอาจมีไข้ร่วมด้วย

  1. ท้องเสียเรื้อรัง (Chronic Diarrhea)

มักเกิดขึ้นจากโรคเรื้อรัง เช่น โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) โรคลำไส้อักเสบ (IBD) โรคซีลีแอค (Celiac disease) หรือภาวะการดูดซึมผิดปกติ โดยมักมีอาการถ่ายเหลวบ่อยๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งอาจเกินเวลาได้นานกว่า 4 สัปดาห์

  1. ท้องเสียแบบออสโมติก (Osmotic Diarrhea)

เกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารบางอย่างได้ เช่น แลคโตสในผู้ที่ไม่สามารถย่อยแลคโตสได้ ทำให้มีน้ำหลั่งเข้าสู่ลำไส้และเกิดเป็นอาการท้องเสียขึ้น สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง

  1. ท้องเสียแบบหลั่งสาร (Secretory Diarrhea)

เกิดจากการติดเชื้อที่ทำให้ลำไส้หลั่งน้ำมากเกินไป เช่น อหิวาตกโรค หรือ เป็นผลข้างเคียงจากยาบางชนิด

  1. ท้องเสียแบบมีการอักเสบ (Exudative Diarrhea)

เกิดจากโรคที่มีการอักเสบของลำไส้ เช่น โรคโครห์น (Crohn’s disease) หรือโรคลำไส้อักเสบชนิดแผล (Ulcerative colitis) ซึ่งทำให้เกิดหนองหรือเลือดในอุจจาระ

  1. ท้องเสียจากการเดินทาง (Traveler’s Diarrhea)

มักเกิดในผู้ที่เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีสุขอนามัยไม่ดี โดยเกิดจากการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่มีการปนเปื้อน

  1. ท้องเสียจากการใช้ยา (Antibiotic-associated Diarrhea)

เกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะที่ทำให้เกิดความไม่สมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งสามารถทำให้มีการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นอันตรายได้ เช่น Clostridium difficile

  1. ท้องเสียแบบฟังก์ชัน (Functional Diarrhea)

มักเกิดจากภาวะที่ระบบทางเดินอาหารทำงานผิดปกติ เช่น โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) โดยไม่พบโรคหรือการติดเชื้อที่ชัดเจน

ทำไมท้องเสียมักเกิดช่วงหน้าร้อนและหน้าฝน?

อุณหภูมิที่สูงขึ้นในช่วงหน้าร้อนเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เชื้อโรคเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนในอาหารและน้ำดื่ม หากอาหารที่รับประทานเข้าไปไม่ได้รับการเก็บรักษาอย่างถูกต้อง ปรุงไม่ถูกสุขลักษณะ หรือ ปรุงไม่สุกเพียงพอ อาจทำให้เกิดอาหารเป็นพิษและนำไปสู่อาการท้องเสียได้ 

แม้ฤดูฝนจะมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่าฤดูร้อน แต่ด้วยความชื้นในอากาศที่สูงขึ้น ประกอบกับน้ำฝนที่ปนเปื้อนกับแหล่งน้ำ อาหาร และสิ่งของต่างๆ อาจทำให้เกิดการสะสมและแพร่กระจายตัวของเชื้อโรคมากยิ่งขึ้น

สรุปสั้นๆ

  • อากาศร้อนทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตเร็วขึ้น
  • อาหารและน้ำที่ไม่ได้รับการเก็บรักษาอย่างถูกต้อง อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดท้องเสีย
  • หน้าฝนทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายง่ายขึ้นจากน้ำปนเปื้อนและน้ำท่วมขัง

ท้องเสียอันตรายแค่ไหน?

แม้ว่าท้องเสียทั่วไปอาจไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่การท้องเสียต่อเนื่องอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะภาวะขาดน้ำ (Dehydration) ซึ่งเกิดจากการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ในปริมาณมาก ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียและวิงเวียนศีรษะ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอาการท้องเสียอย่างถูกต้อง อาจทำให้ไตวายเฉียบพลันหรือช็อกได้ 

นอกจากนี้ ในบางกรณี ท้องเสียที่เกิดจากเชื้อโรคบางชนิดอาจนำไปสู่ภาวะลำไส้อักเสบ ซึ่งทำให้มีอาการปวดเกร็งรุนแรงและถ่ายเป็นเลือด หากไม่เข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน

ตามรายงานของ องค์การอนามัยโลก (WHO) และ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) พบว่า ท้องเสียเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตกว่า 1.6 ล้านคนต่อปีทั่วโลก และส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือพยาธิในน้ำและอาหารที่ไม่สะอาด โดยเฉพาะในประเทศที่มีสภาพการสุขาภิบาลไม่ดี หรือประชากรที่ไม่มีการเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาด

โดยในบรรดาเชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อย Escherichia coli (E. coli) เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการท้องเสีย โดยเฉพาะเชื้อ E. coli O157:H7 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ผลิตสารพิษที่สามารถทำให้เกิดอาการท้องเสียรุนแรง ถ่ายเป็นเลือด และในบางกรณีอาจนำไปสู่ภาวะ Hemolytic Uremic Syndrome (HUS) ที่ทำให้เกิด ไตวายเฉียบพลัน และ เสียชีวิต ได้หากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา

นอกจากนี้ยังมีเชื้อโรคอื่นๆ ที่สามารถทำให้เกิดอาการท้องเสียได้เช่นกัน

  • Salmonella คือ แบคทีเรียที่มักพบในเนื้อสัตว์และไข่ดิบ ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ปวดท้อง และบางกรณีอาจนำไปสู่การติดเชื้อในกระแสเลือด
  • Campylobacter เป็นแบคทีเรียที่มักพบในเนื้อสัตว์ไม่สุก โดยเฉพาะไก่ และสามารถทำให้ท้องเสียรุนแรง ปวดท้อง และมีไข้
  • Shigella เป็นเชื้อแบคทีเรียที่สามารถแพร่กระจายจากมนุษย์สู่มนุษย์ได้ง่าย ทำให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่มีสุขอนามัยที่ดี
  • Norovirus เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียและอาเจียน พบได้บ่อยในพื้นที่ที่มีคนแออัดเช่น โรงพยาบาลหรือเรือสำราญ
  • Rotavirus เป็นเชื้อไวรัสที่มักพบในเด็กเล็ก ทำให้เกิดท้องเสียรุนแรงในเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีน

สรุปสั้นๆ

  • ท้องเสียทั่วไปอาจไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่หากท้องเสียต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดภาวะ ขาดน้ำ (Dehydration) และอาการรุนแรง เช่น ไตวายเฉียบพลัน หรือ ช็อก
  • ท้องเสียที่เกิดจากเชื้อโรคบางชนิด เช่น E. coli และ Salmonella อาจนำไปสู่ภาวะ ลำไส้อักเสบ และ อันตรายถึงชีวิต
  • ท้องเสีย เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตกว่า 1.6 ล้านคน ต่อปีทั่วโลก โดยส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อจากอาหารและน้ำที่ไม่สะอาด
Dangers of diarrhea

ปวดท้อง ท้องเสีย รักษาเบื้องต้นอย่างไร?

เมื่อมีอาการท้องเสีย หรือ ถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งใน 1 วัน ควรเริ่มต้นดูแลตัวเองด้วยการดื่มสารละลายเกลือแร่ (ORS) เพื่อทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไป หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจกระตุ้นการขับถ่ายและทำให้ร่างกายขาดน้ำมากขึ้น 

นอกจากนี้ ผู้มีอาการท้องเสียยังควรเลือกรับประทานอาหารอ่อนๆ ที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม กล้วย หรือ โยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติกส์ เพื่อช่วยปรับสมดุลของลำไส้ 

ที่สำคัญ อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ พร้อมรับประทานอาหารและน้ำสะอาด เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

สรุปสั้นๆ

  • หากท้องเสีย ควรดื่มสารละลายเกลือแร่ (ORS) เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยาก เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นตัว
  • เลือกรับประทานอาหารอ่อนๆ และน้ำดื่มสะอาด

สังเกตให้ดี! อาการท้องเสียแบบไหนต้องรีบไปพบแพทย์?

หากท้องเสียและมีอาการดังต่อไปนี้ แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาโดยด่วน

  1. ถ่ายเป็นน้ำมากและต่อเนื่องเกิน 2 วัน
  2. ถ่ายเป็นเลือดหรือมีอุจจาระสีดำคล้ายยางมะตอย ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของเลือดออกในทางเดินอาหาร
  3. มีไข้สูงกว่า 38.5°C และอาการไม่ดีขึ้น
  4. มีอาการขาดน้ำรุนแรง เช่น ปากแห้งมาก วิงเวียน ไม่มีแรง หรือปัสสาวะน้อยกว่าปกติ

ท้องเสียบ่อย แก้ยังไงดี?

การท้องเสียบ่อยๆ อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ซ่อนตัวอยู่ โดยการรักษาภาวะท้องเสียที่เกิดขึ้นบ่อยๆ สามารถทำได้หลายวิธี เช่น

  • ดื่มน้ำมากๆ เพราะเมื่อท้องเสียบ่อย ร่างกายจะสูญเสียน้ำและเกลือแร่ การดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มเกลือแร่ (ORS) สามารถช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำและช่วยฟื้นฟูสมดุลในร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการท้องเสีย หรือ อาหารที่ทำให้ระบบทางเดินอาหารระคายเคือง เช่น อาหารที่มีไขมันสูง และ อาหารรสจัด 
  • รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย ปรุงน้อย หรือ อาหารที่มีไฟเบอร์ต่ำ ที่สามารถป้องกันไม่ให้ทางเดินอาหารเกิดการระคายเคือง
  • ปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร ด้วยการรับประทานอาหารที่มีโพรไบโอติกส์ อาหารปรุงน้อย รวมถึงอาหารคลีนที่ให้สารอาหารครบถ้วน เพื่อช่วยปรับสมดุลลำไส้และทางเดินอาหารให้แข็งแรง 
  • พบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เช่น ภาวะท้องเสียที่เป็นอยู่เกิดจากการติดเชื้อในลำไส้ โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) ผลข้างเคียงจากยา หรือ เป็นโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น

ท้องเสียเป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนและหน้าฝน ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อจากอาหารและน้ำที่ปนเปื้อน แม้ว่าท้องเสียทั่วไปอาจหายได้เอง แต่หากเกิดอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ 

ดังนั้น เมื่อมีอาการท้องเสียเมื่อไหร่ ผู้ป่วยจึงควรรีบพบแพทย์เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น พร้อมเลือกรับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่ ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร และดื่มน้ำที่สะอาด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคทางเดินอาหาร รวมถึงอาการท้องเสียได้

แม้อาหารเป็นพิษจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นเฉียบพลัน แต่หากเราดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ ร่างกายก็จะรับมือกับเชื้อโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น อย่ารอให้ป่วยแล้วค่อยดูแล ลองเริ่มต้นสร้างภูมิคุ้มกันง่ายๆ ด้วยวิธีที่ทำได้ทุกวันจากบทความนี้เลย 10 วิธีดูแลสุขภาพกาย-ใจง่ายๆ ทำได้ทุกวัน

10 วิธีดูแลสุขภาพ

หากคุณกำลังมองหาประกันโรคร้ายที่ให้ความคุ้มครองหลายโรคของซันเดย์ สามารถเช็กเบี้ยประกันโรคร้ายออนไลน์ที่เหมาะสมกับตัวเองง่ายๆ ใช้แค่ “วันเดือนปีเกิด” ของคุณ หรือ คนที่อยากทำประกันโรคร้ายแรงให้ 

AXA SmartCare Cancer

Share this article
Shareable URL
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

5 สิ่งที่นักลงทุนมือใหม่ต้องรู้ ก่อนเริ่มลงทุนก้อนแรก

มือใหม่อยากลงทุนต้องรู้จักกับ 5 สิ่งนี้ เมื่อพูดถึงการลงทุน หลาย ๆ คนอาจจะมองว่ายังเป็นเรื่องไกลตัวอยู่มาก…

สายกินต้องระวัง! กินหมูกระทะ เสี่ยงเป็นโรคไข้หูดับได้!

หมูไม่สุก สาเหตุของโรคไข้หูดับ อันตรายถึงชีวิต! สุขไหนจะเท่าการได้นั่งกินหมูกระทะอร่อย ๆ หรือจะเป็นหมูจุ่มฟิน ๆ…
หมูกระทะ เสี่ยงโรค

เช็กลิสต์ 10 วิธีดูแลสุขภาพให้ดีทั้งกายและใจ ใคร ๆ ก็ทำได้

สุขภาพดีที่สร้างได้จาก 10 วิธีการดูแลตัวเองเหล่านี้ อยากมีสุขภาพดี แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน…
how to take care your self
0
Share