นอกจากผักและผลไม้แล้ว ‘ถั่ว’ ก็ถือเป็นหนึ่งในอาหารเพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘วอลนัท’ ซึ่งถึงแม้จะมีหน้าตาแปลกประหลาด แต่กลับมาพร้อมกับความกลมกล่อมและรสสัมผัสที่แตกต่าง ทำให้สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู นอกจากนี้ หลายคนยังไม่รู้อีกด้วยว่า ‘วอลนัท’ ถือเป็นหนึ่งใน Superfood ที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารมากมาย
แต่ก่อนจะไปซื้อวอลนัทมา ลองมาทำความเข้าใจกันสักหน่อยว่า จะกินวอลนัทอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุดและไม่เกิดโทษกับร่างกายกัน
7 สรรพคุณของวอลนัท ถั่วแสนอร่อย คุณค่าเพียบ!
1. ป้องกันโรคหลอดเลือดและหัวใจ
วอลนัทมีปริมาณกรดไขมันดีอย่าง ‘โอเมก้า 3’ ที่สูงมาก โดย ‘โอเมก้า 3 ’ นี้เป็นสารสำคัญที่ช่วยลดระดับไขมันไตรกรีเซอไรด์เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจได้ นอกจากนี้ วอลนัทยังมีสรรพคุณในการช่วยรักษาสมดุลและประสิทธิภาพในการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายได้อีกด้วย
2. บำรุงผิวพรรณและเส้นผม
นอกจากวอลนัทจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ยังช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมได้อีกด้วย เนื่องจากวอลนัทอุดมไปด้วยวิตามินอีที่ช่วยปกป้องและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทั้งยังปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วยช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ นอกจากนี้ วอลนัทยังอุดมไปด้วยสังกะสีที่ช่วยเพิ่มความนุ่มให้กับเส้นผมอีกด้วย
3. ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น
ใครที่ชอบนอนไม่หลับ แต่อยากใช้วิธีธรรมชาติบำบัดแบบไม่พึ่งยา ขอแนะนำให้ลองทานวอลนัทดู เนื่องจากในวอลนัทมีสารเมลาโทนินมากถึง 2.5-4.5 นาโนกรัม/กรัม ซึ่งเมลาโทนินนั้นเป็นสารที่ทำให้เรารู้สึกง่วงและนอนหลับง่ายมากขึ้น หรือใครที่เดินทางต่างประเทศบ่อย ๆ และชอบมีอาการ Jet Lag หรือ อาการที่ร่างกายยังไม่สามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ที่มีเวลาแตกต่างกันได้ การทานวอลนัทก็สามารถช่วยลดอาการได้เช่นกัน
4. ป้องกันสมองเสื่อม
วอลนัทนับว่าเป็นสารอาหารที่ช่วยบำรุงสมองและความจำได้อย่างดี เพราะอย่างที่ได้กล่าวไปว่าในวอลนัทมีโอเมก้า 3 อยู่มาก และโอเมก้า 3 นั้นก็เป็นอาหารบำรุงสมองชั้นเลิศที่จะเข้าไปลดการเกาะตัวของเส้นใยหรือไฟบริลในสมองซึ่งเป็นตัวการทำลายเส้นใยประสาทส่วนความจำของเรา
5. ลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็ง
จากผลการทดสอบของคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมาร์แชล ในรัฐเวสท์เวอร์จิเนียพบว่า กรดไขมันโอเมก้า 3 สารไฟโทสเตอรอล และสารแอนติออกซิแดนท์ในวอลนัทมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้ โดยผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า เมื่อเปรียบเทียบสัตว์ที่ได้รับเฉพาะกรดไขมันโอเมก้า 3 และ โอเมก้า 3 ร่วมกับ สารอีก 2 ชนิดที่ได้กล่าวไปข้างต้น ผลปราฏว่าสัตว์ทดลองที่ได้รับสารอาหารทั้ง 3 ชนิดพร้อมกัน จะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งที่ลดลง
6. ช่วยลดน้ำหนัก
วอลนัทมีสรรพคุณในการช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากในวอลนัทมีทั้งโปรตีนและไฟเบอร์ ทำให้เราอิ่มนาน ไม่หิวจุกจิก อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารต้านการอักเสบ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยต่อต้านความเสี่ยงโรคอ้วนลงพุง
7. ลดความเครียด
นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจแล้ว โอเมก้า 3 ในวอลนัทยังช่วยในเรื่องการผ่อนคลายด้วย เนื่องจากโอเมก้า 3 เป็นสารที่ส่งผลต่ออารมณ์ กระบวนการคิดในสมอง ตลอดจนการทำงานของสารสื่อประสาทเซโรโทนิน หรือสารแห่งอารมณ์ ความรู้สึก และสุขภาพ ซึ่งหากการทำงานของสารสื่อประสาทประเภทนี้ของเราดี ก็จะช่วยป้องกันโรคซึมเศร้า อาการนอนไม่หลับ ทำให้อารมณ์ดีขึ้น และไม่เครียดนั่นเอง
Sunday Tips ทานวอลนัทยังไงให้อร่อย? เนื่องจากวอลนัทมีรสชาติมัน กรุบกรอบ และติดขมนิดๆ ทำให้บางคนอาจจะไม่ชอบรสชาตินี้เท่าไรนักหากต้องทานเดี่ยวๆ แนะนำว่าให้ทานคู่กับอาหารที่มีรสเปรี้ยวหรือรสหวาน จะอร่อยลงตัวอย่างมาก เช่น นำไปโรยบนโยเกิร์ต หรือไอศกรีม หรือจะเอาไปเคลือบน้ำผึ้งแล้วโรยบนเบเกอรีต่าง ๆ ก็อร่อยสุด ๆ |
วอลนัทกินอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด?
ถึงแม้ว่าการกินวอลนัทที่หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตถั่วไปหรือแบบที่ผ่านการแปรรูปมาแล้วก็มีประโยชน์และมีคุณค่าทางอาหารเช่นกัน แต่การกินวอลนัทก็มีวิธีกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดเช่นกัน ไปดูกันว่าวอลนัทกินอย่างไรให้ได้คุณค่าสูงสุด
1. กะเทาะเปลือกเมื่อพร้อมกิน
ควรเลือกแบบที่ยังไม่ได้กะเทาะเปลือก โดยหากต้องการกินให้กะเทาะเปลือกและเอาเมล็ดมากินทันที เพราะการกินแบบที่ไม่ผ่านการแปรรูป โดนความร้อน หรือผ่านการปรุงแต่ง จะทำให้เราได้คุณค่าทางอาหารแบบสูงสุด
2. ทานในปริมาณที่พอเหมาะ
หากกะเทาะเปลือกออกมาแล้วและทานเหลือ แนะนำว่าให้ทำการบรรจุถุงสูญญากาศไว้เพื่อความสดใหม่ โดยปริมาณที่แนะนำต่อวันคือ 4-5 เมล็ด เพราะจริงๆ แล้วถั่วประเภทนี้มีแคลอรีค่อนข้างสูง โดยในปริมาณ 100 กรัมมีแคลอรีมากถึงประมาณ 600 แคลอรี หากทานมากไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
3. ทานคู่อาหารอื่น เพิ่มคุณค่าทางอาหารแบบคูณสอง
วอลนัทนั้นมีสรรพคุณมากมายหลายประการอยู่แล้ว แต่หากอยากเพิ่มคุณค่าทางอาหารด้วย ก็สามารถทานร่วมกับอาหารหรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้เช่นกัน เช่น หากต้องการลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และบำรุงสมองด้วยก็สามารถทานคู่กับน้ำขิงได้ หรือจะนำไปเคลือบน้ำผึ้งเพื่อต้านการอักเสบและลดความเครียดก็สามารถทำได้เช่นกัน
นอกจากการออกกำลังกายเป็นประจำแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็มีความสำคัญต่อการรักษาสุขภาพที่ดี แต่อีกสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เช่นกันก็คือการทำประกันสุขภาพออนไลน์ที่มาพร้อมกับความคุ้มครองที่เมคเซนส์ อย่างการทำประกันสุขภาพออนไลน์กับ Sunday ที่ช่วยบริหารความเสี่ยง และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เช็กเบี้ยประกันสุขภาพได้ง่าย ๆ กรอกแค่ ‘วันเดือนปีเกิด’ เท่านั้น
อยากใช้ซูเปอร์แอปฯ Jolly by Sunday ต้องทำอย่างไร?
หากคุณเป็นอีกคนที่อยากใช้ซูเปอร์แอปฯ Jolly by Sunday แอปประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการทุกอย่างได้ครอบคลุมแบบนี้ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาใช้งานได้ในทันที ผ่าน App Store หรือ Google Play Store แล้วอย่าลืมติดตามข่าวสารและโปรโมชันดีๆ จากซันเดย์ในทุกๆ วันของคุณ