วัยเด็กของใครหลายคน อาจเริ่มต้นจากความรู้สึกแย่เมื่อต้องกินผัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักใบเขียวอย่างผักเคล แต่ในวันนี้ ลองมาเปลี่ยนภาพจำผักใบเขียวแสนเหม็นด้วยผักหน้าตาประหลาดอย่าง ‘ผักเคล’ ที่นอกจากจะอุดมไปด้วยประโยชน์มากมายแล้ว แต่ยังมาพร้อมกับความกลมกล่อมที่หลายคนยังถึงไม่ถึง ว่าแต่ผักเคลจะมีประโยชน์อย่างไร นำมาปรุงเป็นเมนูไหนได้บ้าง บทความนี้มีคำตอบ!

ผักเคลคืออะไร?
ผักเคล (Kale) หรือที่รู้จักกันว่า “คะน้าใบหยิก” คือผักใบเขียวในตระกูลกะหล่ำที่อุดมไปด้วยสารอาหารอย่างวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินเค แคลเซียม และแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย มีใบหยักหยาบ สีเขียวเข้มหรือม่วงเข้ม รสชาติออกขมเล็กน้อยและสดชื่น เหมาะสำหรับสายเฮลตี้ที่มองหาเมนูสุขภาพ เช่น สลัด สมูทตี้ หรือเมนูอบกรอบอย่างเคลอบชีส
แม้ผักชนิดนี้จะหน้าตาคล้ายผักคะน้า แต่จริง ๆ แล้วเป็นคนละสายพันธุ์กัน — ผักคะน้ามีใบเรียบ สีเขียวอ่อน รสชาติหวานกว่า ส่วนผักเคลมีใบหยักและรสเข้มข้นกว่า จึงเหมาะกับการนำไปปรุงในรูปแบบที่ต่างกันออกไป
พันธุ์ที่นิยมมากในไทย ได้แก่
- เคลใบหยิกสีเขียว (Curly Kale) ที่มีใบหยักสวยงาม
- เคลใบตรง Lacinato Kale (Dinosaur Kale) ที่มีรอยย่นและเนื้อใบเหนียวหนึบ
ผักเคลไม่เพียงแต่เพิ่มสีสันในจานอาหาร แต่ยังเติมคุณค่าให้กับร่างกายอย่างครบถ้วนอีกด้วย
ประโยชน์ของผักเคลที่คุณควรรู้
เห็นใบเขียว ๆ หยิก ๆ แบบนี้ ผักเคล (Kale) เป็นผักใบเขียวที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก เพราะอุดมไปด้วยวิตามินมากมาย รวมถึงแร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระอีก ทำให้ผักใบเขียวชนิดนี้มีสรรพคุณทั้งช่วยบำรุงสายตา ลดความดันโลหิต และช่วยบำรุงกระดูก
คุณค่าทางโภชนาการของผักเคล
ผักเคลจัดเป็น Superfood ที่มีสารอาหารหลากหลายและเด่นชัดในแต่ละด้าน ไม่ว่าจะเป็น…
- วิตามิน A, C, K สูงมาก ช่วยบำรุงผิว เสริมภูมิคุ้มกัน และดูแลระบบเลือด
- ลูทีนและซีแซนทีน สารสำคัญที่ช่วยบำรุงสายตาและป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม
- แคลเซียม และ แมกนีเซียม เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- แมงกานีส ช่วยเผาผลาญกลูโคส ลดระดับน้ำตาลในเลือด
- ใยอาหาร สูง ช่วยระบบขับถ่ายและลดโอกาสเกิดโรคทางเดินอาหาร
- คลอโรฟิลล์ ทำหน้าที่คล้ายสารดีท็อกซ์ธรรมชาติ ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย
นอกจากนี้ ผักเคลยังมีธาตุเหล็ก โพแทสเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระอีกหลายชนิด ซึ่งล้วนช่วยในการลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ และเบาหวาน

วิธีเลือกซื้อและกินผักเคล
แนะนำให้เลือกผักเคลที่มีใบสีเขียวเข้ม ไม่มีรอยซ้ำ ก้านต้องมีความอวบน้ำ ไม่ดูเหี่ยว ถ้าเลือกซื้อแบบนี้มาได้ รับรองว่าปรุงเมนูไหนก็กรอบอร่อย เวลาทำความสะอาดผักเคล แนะนำให้ล้างผักก่อน 1 ครั้งด้วยการเปิดน้ำไหลผ่าน แล้วแช่ในน้ำเกลือประมาณ 10-15 นาที ก่อนจะล้างน้ำออกอีกครั้ง เท่านี้ผักก็สะอาดง่าย ๆ แถมไม่ช้ำอีกด้วย
ผักเคล กินดิบได้ไหม?
หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าผักเคลกินดิบหรือกินสดได้ไหม คำตอบคือกินได้ทั้งแบบสดและแบบดิบ โดยการกินแบบดิบ ๆ จะทำให้ได้รับวิตามินซีสูงกว่าแบบปรุงสุก เช่น สลัด ยำ หรือปั่นเป็นสมูทตี้ แต่ผักเคลอาจจะรสชาติที่ติดขมกว่านิดหน่อย หากใครกำลังฝึกกินผักอยู่ แนะนำให้นำไปทำเมนูอื่น ๆ จะทำให้กินผักเคลได้ง่ายขึ้น

วิธีปรุงผักเคลให้ได้คุณค่าทางโภชนาการสูงสุด
การปรุงให้คงคุณค่าสารอาหารไว้ได้มากที่สุด ควรใช้วิธีที่ไม่ทำลายวิตามินและแร่ธาตุที่มีอยู่ตามธรรมชาติ โดยเฉพาะวิตามิน C และวิตามิน K ซึ่งไวต่อความร้อน การใช้ความร้อนสูงเกินไป เช่น การผัดแบบไฟแรง อาจทำให้คุณค่าทางโภชนาการสูญเสียไปบางส่วน
ทางเลือกที่ดีกว่าคือการปรุงด้วย ความร้อนต่ำและระยะเวลาสั้น เช่น การนึ่ง ต้ม หรืออบเบา ๆ วิธีเหล่านี้จะช่วยรักษาความสด กรอบ และสารอาหารของผักเคลไว้ได้มากกว่าการผัดทั่วไป หากต้องการเพิ่มรสชาติ อาจปรุงร่วมกับน้ำมันมะกอกเล็กน้อย เครื่องปรุงรสธรรมชาติ หรือนำไปใส่ในซุป หรือสมูทตี้ก็ได้เช่นกัน
วิธีกินผักเคลคู่กับอาหารอื่นเพื่อเพิ่มคุณค่า
วิตามินสำคัญหลายชนิดในผักเคล เช่น วิตามินเอ วิตามินอี และวิตามินเค เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน หากต้องการให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรกินผักเคลร่วมกับอาหารที่มี ไขมันดี เสมอ
กินผักเคลคู่กับอะไรดี? ตัวเลือกที่ดี เช่น อะโวคาโด เนื้อปลา ถั่วชนิดต่าง ๆ หรือการปรุงด้วยน้ำมันมะกอกเล็กน้อย ก็ช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหาร พร้อมเสริมคุณค่าทางโภชนาการให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ผักเคล กับหลากเมนูอร่อย ๆ ทำเองได้ที่บ้าน

รู้จักกับประโยชน์และวิธีปรุงผักเคลที่ถูกต้องไปแล้ว มาดูกันดีกว่าว่าผักเคลทําอะไรได้บ้าง โดยเมนูผักเคลที่ทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้านที่นำมาฝากนี้ บอกเลยว่าใคร ๆ ก็ทำได้
- สลัดผักเคล: เลือกใช้ผักสลัดตามชอบได้เลย ตัดผักเคลให้เป็นชิ้นพอดีคำตามที่ชอบ ใส่แตงกวา แครอท อะโวคาโด ผลไม้หรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ เข้าไปด้วยก็ได้เพื่อเพิ่มโปรตีน ทำง่าย สิบนาทีก็พร้อมกิน!
- ผัดผักเคล: แนะนำให้ใช้น้ำมันมะกอกในการผัด และผัดด้วยไฟอ่อน ๆ ใครที่ต้องการเพิ่มเนื้อสัตว์เข้าไป แนะนำให้ผักเนื้อสัตว์ก่อนแล้วจึงใส่ผักเคลไปทีหลัง จะได้ผักเคลกรอบ ๆ ปรุงรสได้ตามใจชอบเลย
- แกงจืดผักเคล: ใครที่ชอบซดน้ำซุปร้อน ๆ กับผักลวดนิ่ม ๆ ต้องลองใส่ผักเคลลงไปในแกงจืดบ้างแล้ว เพราะช่วยทำให้รสชาติของผักเคลอ่อนลง กินง่ายมากขึ้น แถมยังได้ประโยชน์เต็ม ๆ
- แกงเลียงผักเคล: ใครชอบกินอาหารเมนูบ้าน ๆ ต้องลองเมนูนี้เลย เพียงแค่ใส่ผักเคลเพิ่มเข้าไป ก็จะได้คุณค่าทางสารอาหารเพิ่มขึ้นกับเมนูแกงถ้วยโปรด
- ข้าวผัดผักเคล: แทนที่จะใส่คะน้าที่หลาย ๆ คนไม่ชอบ อาจจะลองเปลี่ยนมาเป็นใส่ผักเคลแทน เพิ่มความกรุบกรอบ ได้สารอาหารทุกคำ
ผักเคลเป็นหนึ่งในอาหารเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน แต่รู้ไหมว่ายังมีอาหารอีกหลายชนิดที่อุดมด้วยคุณค่า แต่คนส่วนใหญ่อาจยังไม่รู้จัก? ถ้าอยากรู้จักอาหารสุขภาพแปลกใหม่ที่น่าลองเพิ่มเติม ลองดู 5 อาหารสุขภาพที่คนไม่ค่อยรู้จัก ที่คุณอาจยังไม่เคยชิม!

ดูแลสุขภาพ ต้องดูแลให้รอบด้าน
การดูแลสุขภาพที่ดีไม่ใช่แค่เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการกินให้เหมาะกับความต้องการของร่างกาย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อให้รู้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของร่างกายอยู่เสมอ
โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น การมี ประกันสุขภาพ ไว้รองรับก็ยิ่งเป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเมื่อเจ็บป่วย และเพิ่มความมั่นใจว่าจะได้รับการรักษาที่ดีในโรงพยาบาลที่ไว้ใจได้
หากคุณกำลังมองหาประกันสุขภาพที่เข้าใจคุณจริง ๆ ลองเริ่มต้นที่ Sunday ประกันสุขภาพออนไลน์ที่เลือกความคุ้มครองได้เองตามความต้องการ พร้อมเบี้ยประกันที่คุ้มค่า และเข้าถึงโรงพยาบาลชั้นนำโดยไม่ต้องสำรองจ่าย เพียงกรอกวันเกิดเพื่อเช็กเบี้ยง่าย ๆ ไม่ต้องกรอกข้อมูลส่วนตัวอื่นให้ยุ่งยาก
