Reebok ซื้อคลาส CrossFit ให้พนักงานเล่นฟรี, Google มีอาหารฟรีให้ทุกมื้อ, Cliff Bar ให้พนักงานเอาเวลางานไปออกกำลังกายสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมงครึ่ง ส่วนบริษัทผู้ให้บริการเว็บไซต์ ask.com ก็มีประกันสัตว์เลี้ยงให้พนักงานด้วย แล้วบริษัทของคุณล่ะ มีสวัสดิการแบบไหน
สวัสดิการถือเป็นทั้งรางวัลให้พนักงานปัจจุบันและสิ่งดึงดูดใจว่าที่พนักงานใหม่ สวัสดิการที่ดียังทำให้พนักงานมีความสุขและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ด้วย ต่อไปนี้เป็นไอเดียสวัสดิการใหม่ๆ ที่เริ่มเป็นที่นิยมในหลายบริษัท โดยเฉพาะบริษัทที่ต้องการดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ มาดูกันดีกว่าสวัสดิการที่ว่ามีอะไรบ้าง สวัสดิการสำหรับพนักงานยุคใหม่ควรเป็นแบบไหน
สวัสดิการพนักงาน คืออะไร?
สวัสดิการพนักงาน คือ ผลประโยชน์ที่บริษัทควรจัดเตรียมไว้ให้พนักงานทุกคน โดยสวัสดิการจะต้องอยู่นอกเหนือจากเงินเดือน ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยลดภาระในการดำเนินชีวิตของพนักงาน อย่างเช่นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ค่าเดินทาง อาหารมื้อต่างๆ ระหว่างวัน หรือจะเป็นประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุก็ดี ปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ช่วยให้พนักงานใช้ชีวิตไปพร้อมกับการทำงานได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ความสำคัญของสวัสดิการพนักงาน มีอะไรบ้าง?
สวัสดิการสำหรับพนักงาน ถือว่าเป็นประโยชน์กับทั้งบริษัท และเป็นประโยชน์กับพนักงานทุกคนด้วย มาดูความสำคัญของสวัสดิการพนักงานทั้งในมุมของพนักงานและมุมบริษัทกันว่ามีอะไรบ้าง
ความสำคัญของสวัสดิการพนักงานในมุมบริษัท
- ช่วยลดอัตราการลาออกเพื่อเปลี่ยนงาน หรือที่เรียกกันว่า ‘Turn Over Rate’
- ช่วยให้บริษัทได้เจอกับพนักงานที่มีความสามารถได้ง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสที่จะได้ร่วมงานกัน เนื่องจากมีสวัสดิการที่น่าดึงดูด
- ช่วยส่งเสริมให้พนักงานเกิดความผูกพันกับบริษัทมากขึ้น
- สร้างบรรยากาศในบริษัทที่ดีขึ้น รวมถึงวัฒนธรรมองค์กรด้วย
ความสำคัญของสวัสดิการพนักงานในมุมของพนักงาน
- เป็นตัวช่วยในการลดภาระค่าใช้จ่ายในทุกๆ เดือน
- ช่วยค่ารักษาพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน
- ส่งเสริม Work Life Balance ที่ดีขึ้น
- ลดความเครียดและเพิ่มความสุขในการทำงาน
- เป็นตัวช่วยในการลดภาระค่าใช้จ่ายในทุกๆ เดือน
สวัสดิการสำหรับพนักงานยุคใหม่ ควรมีอะไรบ้าง?
สวัสดิการสำหรับการดึงดูดพนักงานยุคใหม่ ควรมุ่งเน้นไปที่สวัสดิการที่ทำให้เกิด Work Life Balance หรือทำให้พนักงานสามารถทำงานไปพร้อมๆ กับใช้ชีวิตไปด้วย รวมถึงการส่งเสริมให้พนักงานได้เพิ่มพูนทักษะในสายอาชีพ ที่จะเป็นประโยชน์กับตัวพนักงาน ไปดูกันว่ามีสวัสดิการอะไรบ้างที่กำลังเป็นเทรนด์ในหมู่พนักงานยุคใหม่
วันพักร้อนไม่จำกัด
บางบริษัทให้พนักงานลาพักร้อน “กี่วันก็ได้” บริษัทที่มอบอำนาจการตัดสินใจให้พนักงานเช่นนี้เชื่อว่า ถ้าพนักงานที่ตนมีเป็นคนที่มีคุณภาพ มีความรับผิดชอบ และสามารถตัดสินใจได้เอง พวกเขาจะไม่เอาเปรียบบริษัท นโยบายเช่นนี้ดึงดูดใจคนทำงานรุ่นใหม่ที่ “work hard, play hard” และชอบอิสรภาพที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบ แต่มีข้อควรระวังอยู่ว่า นโยบายดังกล่าวต้องไม่ขัดกับวัฒนธรรมของบริษัท หากวัฒนธรรมการทำงานของบริษัทไม่เอื้อให้พนักงานหยุดพักร้อน เช่น การมอบหมายงานล้นมือ ลาหยุดทีก็โทรตามตลอดละก็ คุณไม่ควรมีนโยบายนี้
ช่วยอัปสกิล
แทบทุกบริษัทชอบพนักงานที่กระตือรือร้นหาความรู้อยู่เสมอ เพราะคนเหล่านี้จะนำทักษะและความรู้ใหม่ๆ มาใช้พัฒนางานที่ทำไม่ทางตรงก็ทางอ้อม วิธีการที่ดีในการดึงดูดและรักษาคนที่รักการเรียนรู้ไว้ในองค์กรก็คือ ส่งเสริมให้พวกเขาเรียนสิ่งใหม่ๆ หลายบริษัทออกเงินให้พนักงานไปเข้าคอร์สเรียนทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่ตนสนใจ บริษัทอย่าง Deloitte ถึงกับให้พนักงานลางานไปเรียนหรือพัฒนาทักษะได้ถึง 3-6 เดือนโดยที่ยังจ่ายเงินเดือนให้ 40% ของเงินเดือนปกติ
จ่ายค่างานอดิเรกให้
บางบริษัทให้ความสำคัญกับความสุขของพนักงานและสนับสนุนให้พวกเขาทำงานอดิเรกหรือใช้เวลาว่างเพื่อการสันทนาการ หลายบริษัทถึงกับออกค่าใช้จ่ายสำหรับงานอดิเรกให้พนักงาน เช่น บริษัท Basecamp ในชิคาโกจ่ายค่าเดินทางท่องเที่ยวให้พนักงาน หากคุณกำลังพิจารณานโยบายเช่นนี้ละก็ คุณก็สามารถสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ในคราวเดียวด้วยการให้สวัสดิการที่สอดคล้องกับแบรนด์หรือสินค้าหรือบริการที่บริษัทขาย ยกตัวอย่างเช่น Recreational Equipment, Inc ซึ่งขายอุปกรณ์สันทนาการกลางแจ้งให้เงินพนักงาน 300 ดอลลาร์ฯ เพื่อทำกิจกรรมสันทนาการกลางแจ้ง บริษัท Discovery จ่ายเงินค่าเรียนคอร์สสร้างสรรค์ให้พนักงาน เช่น คอร์สเรียนเต้นหรือคอร์สเรียนทำช็อกโกแลต ส่วน Airbnb ก็ให้เครดิตค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวของพนักงาน 2,000 ดอลลาร์ฯ ต่อปี
เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น
มีบางวันที่พนักงานต้องใช้เวลาวันธรรมดาไปทำธุระนู่นนี่ หลายบริษัทจึงมีนโยบายเวลาเข้าออกงานที่ไม่ตายตัว บางทีก็ให้เข้างานเช้าหรือสายได้แล้วก็เลิกเร็วหรือเลิกช้าตามเวลาเข้างาน ขณะที่บางบริษัทให้พนักงานทำงานนอกสถานที่ได้เป็นครั้งคราว โดยเน้นผลงานที่ออกมาเป็นสำคัญ นโยบายนี้ทำให้พนักงานรู้สึกมีอิสระในขณะเดียวกันทำให้พวกเขาต้องรับผิดชอบมากขึ้น
ประกันสุขภาพที่ยืดหยุ่น
ประกันสุขภาพเป็นสวัสดิการ “คลาสสิก” ที่แทบทุกบริษัทต้องมี เพราะสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญอันดับต้นๆ ของคนทุกคน สวัสดิการนี้ทำให้พนักงานรู้สึกมั่นคง แต่ประกันสุขภาพกลุ่มส่วนใหญ่มีความคุ้มครองที่ตายตัวและปรับเปลี่ยนไม่ได้ ซึ่งอาจไม่เหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกันไปพนักงานแต่ละคน
จะไม่ดีกว่าหรือถ้าภายใต้งบประมาณที่คุณมี คุณให้พนักงานปรับเปลี่ยน เพิ่มหรือลดความคุ้มครองประเภทต่างๆ ได้เอง ไม่ว่าจะเป็นวงเงินความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (OPD) ผู้ป่วยใน (IPD) วงเงินความคุ้มครองอุบัติเหตุ หากอยากได้แบบ Lump sum แทนรายครั้งก็เลือกได้เช่นกัน หรือหากอยากได้ความคุ้มครองเพิ่มขึ้น ก็จ่ายเงินเพิ่มอีกนิดหน่อยเพื่อขยายวงเงินคุ้มครอง แถมยังซื้อความคุ้มครองให้ลูกและคู่ครองได้ด้วย
แผนประกันที่ยืดหยุ่นเช่นนี้ทำให้พนักงานสามารถเลือกความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการของตนจริงๆ และทำให้พวกเขาพอใจกับสวัสดิการนี้มากกว่า
นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัญหาก็คือ บริษัทสตาร์ทอัพหรือบริษัทขนาดเล็กที่อยากทำประกันสุขภาพให้พนักงานไม่สามารถทำประกันดังกล่าวได้เพราะพนักงานในบริษัทมีน้อยเกินไป แต่ซันเดย์มีนวัตกรรมและการคำนวณราคาแบบใหม่ ทำให้ไม่ว่าบริษัทของคุณจะมีงบประมาณมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่หรือบริษัทขนาดเล็กที่มีพนักงานเริ่มต้นพียง 5 คน คุณก็สามารถมีประกันสุขภาพกลุ่มได้ ประกันสุขภาพกลุ่มของซันเดย์ยังยืดหยุ่น ให้พนักงานปรับเปลี่ยนความคุ้มครองได้ตามใจ แถมมาพร้อมแอพและแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ให้คุณบริหารจัดการสวัสดิการพนักงานได้ง่าย
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจว่าบริษัทควรมอบสวัสดิการแบบไหนให้พนักงานดี สิ่งสำคัญคือเริ่มถามคำถามนี้ก่อนว่า “คุณอยากเป็นบริษัทแบบไหน” และ “คุณอยากให้พนักงานรู้สึกอย่างไรกับการทำงานที่นี่” นอกจากนี้ การถามความคิดเห็นจากพนักงานก็สำคัญไม่แพ้กัน ลองถามพนักงานว่ารู้สึกอย่างไรกับสวัสดิการที่มีอยู่ในปัจจุบันและพวกเขาอยากได้สวัสดิการแบบไหน เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อพวกเขาโดยตรง
ประกันสุขภาพกลุ่มที่ยืดหยุ่นจากซันเดย์ ตอบโจทย์ทุกงบประมาณไม่ว่าบริษัทจะเล็กหรือใหญ่ ให้พนักงานปรับเปลี่ยนความคุ้มครองเองได้ แถมยังสะดวกกว่าด้วยแอพและแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Line @easysunday
ทำไมประกันสุขภาพกลุ่มจากซันเดย์จึงแตกต่าง
ข้อดีของประกันสุขภาพกลุ่มจากซันเดย์
Customizable
- ให้พนักงานปรับเปลี่ยนความคุ้มครองเองได้ ไม่ว่าจะเป็น IPD, OPD, ความคุ้มครองอุบัติเหตุ หรือหากอยากได้ความคุ้มครองแบบ Lump sum แทนจ่ายรายครั้งก็ทำได้ ภายใต้งบประมาณที่บริษัทจัดสรรให้
Top-up & Add-ons
- หากพนักงานอยากได้วงเงินคุ้มครองเพิ่ม ก็จ่ายเพิ่มเองอีกนิดหน่อย และยังซื้อความคุ้มครองเสริมได้ รวมทั้งซื้อความคุ้มครองให้ลูกและคู่ครองได้ด้วย
Paperless
- ลดความยุ่งยากในการจัดการเอกสาร เพราะเอกสารและข้อมูลทุกอย่างถูกบันทึกและจัดเก็บอย่างเป็นระบบอยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัล จัดการอะไรก็ง่าย แค่คลิกและลากเมาส์
Analytics
- มี Claim Dashboard ช่วยให้คุณมองเห็นและสามารถวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพโดยรวมของพนักงาน ทำให้วางนโยบายดูแลพนักงานได้ดีขึ้น
Easy
- พนักงานจัดการทุกอย่างได้ง่ายๆ ผ่านแอพ ทั้งอัปโหลดเอกสารเคลม เช็คจำนวนครั้งการเคลมที่ผ่านมาและจำนวนเงินที่เหลือ และถ้าเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเครือข่ายกว่า 400+ ทั่วประเทศละก็ ไม่ต้องอัปโหลดเอกสาร ไม่ต้องสำรองจ่าย ไปแต่ตัวกับบัตรซันเดย์พอ!