hero-image

“ โควิดเป็นศูนย์ (zero-COVID) ” สู่การปลดล็อคประเทศของจีน

นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 เวลาก็ล่วงเลยมาแล้วเกือบ 3 ปีเต็ม ผู้คนได้เปลี่ยนวิถีดำเนินชีวิตใหม่ ส่วนทางการในหลายๆ ประเทศก็ต้องสร้างมาตรการและนโยบายใหท่เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป อย่างประเทศจีนนั้นได้ออกนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์ (zero-COVID)” ก็ส่งผลให้ประชาชนไม่พอใจ จนสุดท้ายต้องเริ่มผ่อนคลายและยกเลิกมาตรการไป จนปัจจุบันจีนกำลังจะปลดล็อคประเทศ ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ท่ามกลางความกังวลว่ามาตรการผ่อนคลายในครั้งนี้ จะส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อ โควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นหรือไม่?

โควิดเป็นศูนย์

แม้นโยบาย “โควิดเป็นศูนย์ (zero-COVID)” ที่ทางการจีนบังคับใช้มาเกือบ 3 ปี จะทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตในจีนต่ำกว่าประเทศอื่นๆ  แต่ก็ต้องยอมรับว่ามาตรการนี้แลกมาด้วยการกักตัวประชาชนหลายล้านคนเป็นเวลานาน ซ้ำยังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ภายในจีนเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการประท้วงที่ Foxconn โรงงานประกอบไอโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเมืองเจิ้งโจว จนส่งผลให้ Apple ไม่สามารถส่งสินค้าได้ตามเป้า ส่วนค่า GDP ต่อหัวของคนในจีนก็ลดต่ำลง ไทยเองก็คงปฎิเสธไม่ได้ว่าได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรายได้หลักของประเทศ เมื่อนักท่องเที่ยวจีนลดจำนวนลงหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 เศรษฐกิจของประเทศไทยซบเซาลงไปมาก แต่ในเมื่อทางการจีนปลดล็อคประเทศ ก็มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกอาจกลับมาคึกคักอีกครั้ง

หลังจีนปลดล็อคประเทศและผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค ตัวเลขผู้ติดเชื้อในจีนก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทางการจีนดันออกคำสั่งยุติการรายงานสถิติผู้ติดเชื้อโควิด-19 นอกจากนั้นทางรัฐบาลจีนถือว่าเป็นผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ก็ต่อเมื่อระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเท่านั้น! ส่วนผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวและเสียชีวิตหลังจากติดเชื้อโควิดจะไม่ถูกนับ ส่งผลให้ประชาชนเกิดความกังวลว่าอาจไม่ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเมืองเจ้อเจียง ออกมาเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อในจีนว่าแต่ละวันมีผู้ติดเชื้อเกิน 1 ล้านคนแล้ว โดยปักกิ่งถือเป็นเมืองที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด ส่วนทางฝั่งผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพประเมินว่า อีกไม่กี่เดือนนับจากนี้ ประชากรจีนราว 60 เปอร์เซ็นต์มีสิทธิ์ติดเชื้อโควิด-19… 

โควิดเป็นศูนย์

ตั้งแต่ 8 ม.ค. 2566 เป็นต้นไป ทางรัฐบาลจีนจะปลดล็อคประเทศอย่างเป็นทางการ นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าแผ่นดินจีนไม่ต้องถูกกักตัวอีกต่อไปเพียงแสดงผลตรวจ PCR หรือ ATK ก่อนการเดินทาง 48 ชั่วโมงเท่านั้น ขณะที่การเดินทางออกนอกประเทศของชาวจีนสามารถทำได้อย่างไร้ขีดจำกัด นอกจากนี้นโยบายผ่อนคลายอื่นๆ ของจีนยังรวมถึงไม่จำเป็นต้องแสดงผลตรวจ PCR ก่อนใช้บริการขนส่งสาธารณะ ซูเปอร์มาร์เก็ต รวมถึงสถานที่สาธารณะบางแห่ง ข้อมูลจากแพลตฟอร์มท่องเที่ยวอย่าง Ctrip และ Qunar ได้ออกมาเผยว่า ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงยอดการค้นหาเที่ยวบินก็เพิ่มขึ้น 7 – 10 เท่า

ญี่ปุ่น ไทย และเกาหลีใต้ เป็นสามประเทศอันอดับต้นๆ ที่ได้รับการค้นหาเที่ยวบินมากที่สุด หลังจีนประกาศปลดล็อคประเทศ

ปัจจุบันหากเราดูจากจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศที่พุ่งทะยานหลังจีนปลดล็อคประเทศ และสถานการณ์อื่นที่ยังวิกฤต แสดงให้เห็นว่าจีนยังไม่มีนโยบายตั้งรับที่ดีพอในการที่จะปลดล็อคครั้งนี้ ร้านขายยาสินค้าหมดสต๊อก สถานการณ์ตามโรงพยาบาลยังมีผู้ป่วยล้น และอาชีที่เกี่ยวกับการเสียชีวิตเช่นโรงศพ การ ฌาปนสถานและอื่นๆ นั้นได้พุ่งตัวสูงขึ้น ส่วนประสิทธิภาพและอัตราการฉีดวัคซีนของคนในประเทศอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ทางการยังไม่ยอมใช้วัคซีน mRNA จากต่างชาติ และไม่ให้ข้อมูลต่อผู้คนมากพอ ทำให้ผู้สูงอายุกังวลใจในผลข้างเคียงและประสิทธิภาพของวัคซีนที่ผลิตในประเทศ ขณะที่องค์การอนามัยโลกชี้แจงว่าไวรัสโควิดสามารถวิวัฒนาการไปได้เรื่อยๆ มาตรการรับมือไปจึงเป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไปไม่ได้ หากจีนจะปลดล็อคประเทศและปล่อยคนในประเทศออกท่องเที่ยวไปทั่วโลก

ส่วนประเทศต่างๆ อย่างสหรัฐฯ อินเดีย ญี่ปุ่น หรือทางยุโรปต่างเตรียมแผนรับมือนักท่องเที่ยวหลังทราบว่าจีนปลดล็อคประเทศ เช่น ต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบก่อนเข้าประเทศ เนื่องจากมองว่าทางการจีนไม่เปิดเผยข้อมูลทางสาธารณสุขที่ครบถ้วน ส่วนการรับมือของประเทศไทยหลังจีนปลดล็อคประเทศนั้นจะยังใช้มาตรการที่ไม่ต่างจากเดิม นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางออกจากจีนต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบ และได้รับวัคซีนครบ 3 เข็ม หากนักท่องเที่ยวมีความต้องการรับวัคซีนเพิ่ม ทางการไทยก็ได้เตรียมจัดสรรวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (Astra Zeneca) ไว้ให้แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ อย่างไรก็ตามมีการคาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยอาจยังมีจำนวนไม่มากหลังจีนปลดล็อคประเทศ เนื่องจากยังขาดกำลังจับจ่ายอันเป็นผลกระทบเรื้อรังจากมาตรการโควิดเป็นศูนย์ อย่างเร็วสุดที่นักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มกลับมาทำให้การท่องเที่ยวไทยเฟื่องฟูน่าจะอยู่ที่ช่วงมีนาคมไปจนถึงเมษายน

โควิดเป็นศูนย์

แม้บางส่วนอาจมองว่าโควิดได้กลายเป็นโรคประจำถิ่นและสามารถอยู่ร่วมกับมันได้แล้ว หากติดเชื้อโควิด-19 แล้ว ยังมีภาวะ Long COVID ที่ตามมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาวซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ เพราะฉะนั้นเราจึงยังควรจะต้องป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโควิด-19 ด้วยการดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี โดยการออกกำลังกาย กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ฉีดวัคซีนป้องกัน และหมั่นสังเกตอาการตัวเอง 

ในปัจจุบันทางคปภ.เองนั้นก็ได้อนุมัติให้ทางบริษัทประกันภัยต่างๆ ครอบคลุมในส่วนของโควิด-19 ด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นท่านใดที่ยังไม่มีหรือยังไม่แน่ใจว่าตัวเองนั้นเหมาะสมกับแผนประกันประเภทใดสามารถปรึกษาทางซันเดย์และสอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ 👉https://retail.easysunday.com/


Ref: [1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10] [11]