หลายคนมักเข้าใจว่า อาการปวดเต้านมเป็นสัญญาณเตือนโรคร้ายของผู้หญิงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความรู้สึกเจ็บเต้านม ไม่ว่าจะทั้งสองข้างหรือข้างเดียว ล้วนเป็นอาการเสี่ยงด้านสุขภาพที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย
หากใครมีอาการเจ็บเต้านมสองข้าง ข้างใดข้างหนึ่ง หรือรู้สึกเจ็บใต้ซี่โครงซ้ายบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย มารู้เท่าทันความเสี่ยงโรคร้ายที่มาพร้อมกับอาการปวดเต้านมได้ในบทความนี้
รู้จักอาการปวดเต้านมให้มากขึ้น
เมื่อพูดถึงอาการปวดเต้านม เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องนึกถึงอาการคัดเต้านมในช่วงประจำเดือนไม่มา หรือ ช่วงที่ใกล้ถึงรอบประจำเดือน ซึ่งถึงแม้จะดูเป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความรู้สึกเจ็บที่บริเวณเต้านมอาจไม่ใช่เรื่องปกติเสมอไป
ปวดเต้านม รู้สึกเจ็บเต้าสองข้างเกิดจากอะไร?
โดยทั่วไปแล้ว อาการปวดเต้านม รวมไปถึงความรู้สึกเจ็บเต้าทั้งสองข้าง จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ซึ่งจะมีสาเหตุในการเกิดที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. อาการปวดหน้าอกที่สัมพันธ์กับประจำเดือน (Cyclical Breast Pain)
อาการปวดหน้าอกที่สัมพันธ์กับการมีประจำเดือนมักเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในร่างกายของเพศหญิง ซึ่งในระหว่างช่วงที่ไข่กำลังจะตก ร่างกายของเพศหญิงจะมีการหลั่งฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่สูงขึ้น ทำให้กรดกาโมลีนิก (Gamolenic Acid) ลดน้อยลง และทำให้เกิดการขยายตัวของเต้านมมากยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงหลาย ๆ คนจึงมักมีอาการปวดเต้านมในช่วงก่อนที่ประจำเดือนจะมา หรือบางคนอาจรู้สึกเจ็บเต้านมทั้งสองข้างไปจนกว่าที่ประจำเดือนจะหมดรอบ รวมถึงมีอาการคัดเต้าเกิดขึ้นแม้ไม่ได้ท้องหรือในขณะที่ประจำเดือนไม่มา
2. อาการปวดหน้าอกที่ไม่สัมพันธ์กับการมีประจำเดือน (Non-Cyclical Breast Pain)
สำหรับผู้ชาย หรือ ผู้หญิงที่มีอาการคัดเต้านมแม้ประจำเดือนไม่มา ไม่แน่ว่าอาจมีอาการปวดเต้านมที่ไม่สัมพันธ์กับการมีประจำเดือนก็เป็นได้ โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการปวดในกลุ่มนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก
- ตั้งครรภ์
เมื่อร่างกายเข้าสู่ภาวะตั้งครรภ์ในช่วง 1 – 3 เดือนแรก คุณแม่มือใหม่หลาย ๆ คนอาจรู้สึกถึงอาการคัดเต้านมและเจ็บเต้าทั้งสองข้าง เนื่องจากในระหว่างตั้งครรภ์จะมีเลือดเข้าไปเลี้ยงที่เต้านมมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะรู้สึกปวดและตึงแล้ว บ่อยครั้งเต้านมยังไวต่อความรู้สึกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ ผู้ที่กำลังให้นมบุตร หรือ อยู่ในช่วงใกล้คลอด อาจมีอาการเจ็บเต้านมทั้งสองข้าง หรือ ข้างเดียวได้เช่นกัน
2. สาเหตุภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อทรวงอก
เช่น การบาดเจ็บ หรือ ความผิดปกติที่ส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อหน้าอก การผ่าตัดเสริมหน้าอก ข้อต่อกระดูกชายโครง กระดูกบริเวณทรวงอก ไปจนถึงการเจ็บป่วยด้วยไข้หวัด การติดเชื้อที่แผลหรือการมีเพศสัมพันธ์ โรคเบาหวาน ไปจนถึงปัญหาที่ระบบทางเดินหายใจและหัวใจ ส่งผลให้หลาย ๆ คนรู้สึกเจ็บใต้ซี่โครงซ้ายและขวาได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
3. ความผิดปกติจากเต้านมเอง
ไม่ว่าจะเป็นภาวะการเกิดโรคถุงน้ำที่เต้านม มีเนื้องอก ฝีภายในเต้านม ภาวะเต้านมอักเสบ ไปจนถึงการเกิดมะเร็งเต้านมในระยะต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่ต้องเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที
นอกจากนี้ ผู้ชายที่มีภาวะผู้ชายมีนม (Gynecomastia) ก็มีความเสี่ยงจะรู้สึกปวดเต้านมได้เช่นกัน โดยภาวะที่ผู้ชายมีนมนั้นจะเกิดขึ้นจากการที่ร่างกายมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ไม่สมดุลกับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ส่งผลทำให้เต้านมมีขนาดใหญ่ขึ้น หรืออาจมีอาการคัดเต้า หัวนมแข็ง หรือรู้สึกคันที่บริเวณหัวนมได้
อาการปวดเต้านมแบบไหนต้องรีบไปพบแพทย์?
โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการปวดเต้านมในผู้หญิงและผู้ชายจะสามารถหายได้เอง หากระดับฮอร์โมนในร่างกายกลับเข้ามาสู่ภาวะปกติ แต่หากใครรู้สึกเจ็บ หรือ มีอาการปวดเต้านมตามลิสต์ด้านล่างนี้ ขอแนะนำให้รีบเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโดยด่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ตาม
- มีก้อนไตแข็งเกิดขึ้นที่บริเวณเต้านมและหัวนม
- มีของเหลว น้ำเหลือง หรือ เลือดไหลออกจากหัวนม
- มีรอยบุ๋ม หรือ กดที่บริเวณเต้านมแล้วมีรอยบุ๋มที่ไม่คืนตัว
- รู้สึกเจ็บเต้าจี๊ด ๆ ข้างซ้ายหรือขวา ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย นานกว่า 1 สัปดาห์
- รูปร่างและขนาดของเต้านมเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่ทราบสาเหตุ
- มีอาการบวมแดง รู้สึกร้อน เกิดแผลและผื่นที่บริเวณเต้านมที่ไม่สามารถหายเองได้ นานเกินกว่า 2 สัปดาห์
- รู้สึกคันที่บริเวณเต้านมนานเกิน 2 สัปดาห์
หากรู้สึกเจ็บเต้านมทั้งสองข้าง หรือ ข้างเดียวร่วมกับ 7 อาการข้างต้นนี้เมื่อไหร่ ขอแนะนำให้รีบเข้าไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยก่อนที่อาการปวดธรรมดาจะลุกลามกลายเป็นโรคร้ายแบบไม่ทันตั้งตัว
ปวดเต้านมบ่อย จะมีวิธีบรรเทา หรือ ป้องกันอาการปวดได้อย่างไร?
สำหรับใครที่รู้สึกเจ็บเต้านมทั้งสองข้าง แต่ไม่ได้มี 7 อาการร้ายแรงที่ต้องรีบไปพบแพทย์ ขอแนะนำให้บรรเทาอาการปวดและดูแลตัวเองเบื้องต้น ดังนี้
- สวมชุดชั้นในที่พอดีกับหน้าอก ไม่คับแน่น หรือ หลวมจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่หน้าอกได้
- ประคบด้วยผ้าอุ่น เพื่อลดการตึงตัวและอาการคัดเต้านม
- หาวิธีระบายน้ำนมที่ถูกต้อง เช่น ให้ลูกกินนมจากข้างที่รู้สึกคัดตึงก่อน หรือ นวดกระตุ้นน้ำนมให้สมดุลและน้ำนมไหลได้ดี
- ใช้ยาบรรเทาอาการปวด หรือ ยาแก้อักเสบ ที่เหมาะสมกับข้อจำกัดร่างกายและโรคประจำตัว
- ปรึกษาแพทย์เรื่องการใช้ยารักษาโรคประจำตัว เนื่องจากยารักษาโรคบางชนิดสามารถทำให้เกิดอาการเจ็บที่บริเวณหน้าอกได้ เช่น ยารักษาโรคหัวใจ ยาต้านเศร้า ฮอร์โมนทดแทน ไปจนถึงการใช้ยาคุมกำเนิด
- มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย เช่น สวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อที่มาจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยเชื้อ HIV ถือเป็นอีกหนึ่งเชื้อโรคที่ทำให้เกิดอาการปวดเต้านมได้เช่นกัน
- เข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการเฝ้าระวังความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรงที่มาพร้อมกับอาการปวดเต้านมตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยหากมีความผิดปกติเกิดขึ้น แพทย์อาจเริ่มทำการจ่ายยาเพื่อลดอาการปวดและอักเสบที่เต้านม จากนั้นจึงทำการตรวจหาความผิดปกติที่เต้านมต่อไป โดยจะเริ่มตั้งแต่การตรวจแมมโมแกรม อัลตราซาวด์ ตรวจเอ็มอาร์ไอ ไปจนถึงการตัดชิ้นเนื้อเพื่อส่งตรวจหาความผิดปกติ
จะเห็นได้ว่า ความผิดปกติเล็ก ๆ ในร่างกายอย่างอาการปวดเต้านมก็สามารถพัฒนากลายเป็นโรคร้ายแรงได้โดยไม่ทันตั้งตัว ดังนั้น นอกจากจะดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ตลอดจนออกกำลังกายเป็นประจำแล้ว การทำประกันสุขภาพก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยบริหารความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน
ประกันสุขภาพออนไลน์ Sunday ไม่เพียงแต่จะมาพร้อมกับความคุ้มครองที่เมคเซนส์ในเบี้ยประกันที่เหมาะสมที่คุณสามารถเลือกพิจารณาได้ตามต้องการเท่านั้น แต่คุณยังสามารถรับประสบการณ์ประกันภัยครบวงจรแบบครบจบในแอปฯ เดียว ตั้งแต่การแจ้งเคลม ติดตามสถานะการเคลม ซื้อยาและปรึกษาแพทย์ออนไลน์กับพาร์ทเนอร์ชั้นนำ ไปจนถึงการติดตามสุขภาพส่วนบุคคล
เช็กเบี้ยประกันสุขภาพออนไลน์กับ Sunday ได้ง่าย ๆ ใช้แค่ ‘วันเดือนปีเกิด’ เท่านั้น