ตอนยังเป็นวัยรุ่นจะอดนอนหามรุ่งหามค่ำก็ชิลๆ แต่พอย่างเข้าสู่วัยทำงานเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัว ก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยจะฟิตเหมือนเดิม ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสุขภาพ เมื่อร่างกายของเราเริ่มเสื่อมถอยลงไปตามอายุที่เพิ่มขึ้น
“การตรวจสุขภาพประจำปี” จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญที่คนทำงานต้องใส่ใจ หลายๆ บริษัทจัดแพ็กเกจตรวจสุขภาพให้กับพนักงานเป็นเรื่องปกติ แต่คำถามก็คือ นอกจากแพ็กเกจตรวจสุขภาพเบื้องต้นที่เราคุ้นเคยกันดีอย่างการตรวจเลือด ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ตรวจเอ็กซ์เรย์ ฯลฯ เราควรจะเลือกตรวจอะไรเพิ่มเติมนอกเหนือจากนี้อีกบ้าง? ถึงจะเหมาะกับวัยและความเสี่ยงของคนทำงานอย่างเรามากที่สุด
เราควรเริ่มต้นตรวจสุขภาพเมื่ออายุเท่าไหร่?
ส่วนใหญ่แล้วทางการแพทย์จะมีการสำรวจ และกำหนดช่วงอายุของการตรวจสุขภาพเอาไว้คร่าวๆ เนื่องจากรูปแบบการดูแลสุขภาพของทุกคนนั้นแตกต่างกันไป อาทิ โดยเฉลี่ยคนที่อายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป มักจะมีโอกาสที่ไขมันในเลือด และความดันโลหิตสูงขึ้น ฯลฯ แต่หากคนที่อายุประมาณ 30 แต่มีประวัติในครอบครัวป่วยเป็นโรคเบาหวาน และตนเองก็มีอาการอ่อนเพลียง่าย แพทย์มักจะแนะนำให้มาตรวจสุขภาพเพื่อหาความเสี่ยงโรคเบาหวานได้เลย
จากสถิติของกรมควบคุมโรค ย้อนหลังไปเมื่อปี 2562-2563 พบว่า โรคไม่ติดต่อ (NCDs) ที่คร่าชีวิตคนไทยในช่วงอายุตั้งแต่ 3-69 ปีไปมากที่สุด ได้แก่โรคหลอดเลือดสมอง, โรคหัวใจขาดเลือด, โรคเบาหวาน, ภาวะความดันโลหิตสูง และโรคทางเดินหายใจอุดกั้นเรื้อรัง ดังนั้น นอกจากการเข้ารับการตรวจสุขภาพตามกำหนดในแต่ละช่วงอายุแล้ว หากรู้สึกว่าร่างกายมีอาการแปลกๆ ที่เรื้อรังไม่หายเสียที ก็ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีเพิ่มเติมเสมอ
วัยรุ่น – วัยเริ่มต้นทำงาน (อายุ 13-25 ปี)
ช่วงวัยเรียนจนถึงวัยทำงานตอนต้น ส่วนใหญ่ร่างกายของเรามักจะแข็งแรง ทำให้หลายคนละเลยการดูแลสุขภาพ และอาจะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาด้านสุขภาพที่จะส่งผลระยะยาวตอนอายุมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคอเรสเตอรอล หรือความดันโลหิตสูง ดังนั้น คนที่อยู่ในช่วยวัยนี้ จึงควรเน้นไปที่การตรวจสุขภาพที่เห็นผลโดยรวม ดังนี้
- ตรวจสุขภาพโดยรวม
- ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
- ตรวจระดับไขมันในเลือด
- ตรวจระบบการทำงานของตับและไต
- ตรวจปัสสาวะ และอุจจาระ
- เอ็กซ์เรย์ปอด
- อัลตร้าซาวด์ช่องท้อง
- ตรวจการทำงานของหัวใจ (EKG)
วัยทำงาน (อายุ 26-40 ปี)
ช่วงวัยทำงานแบบนี้ หลายคนอาจจะมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิต รวมถึงเป็นวัยที่มักจะเกิดความเครียดได้ง่าย บางคนอาจมีการสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ซึ่งอาจส่งผลต่ออวัยวะต่างๆ ในระยะยาวได้ ดังนั้นผู้ที่อยู่ในช่วงวัยทำงานควรเน้นไปที่การตรวจหาความเสี่ยงขั้นต้นของมะเร็งต่างๆ อาทิ
- ตรวจสุขภาพตามรายการที่เคยตรวจในช่วงวัย 13-25 ปี
- ตรวจหาความเสี่ยงมะเร็งตับ
- ตรวจหาความเสี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมาก
- ตรวจหาความเสี่ยงมะเร็งปอด
- ตรวจหาความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก
ตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงานสำคัญอย่างไร?
การตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงานเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและเป็นเรื่องจำเป็น เพราะโดยส่วนมากแล้วในหลายๆ บริษัท เมื่อผู้สมัครงานผ่านกระบวนการสัมภาษณ์งานเป็นที่เรียบร้อย ขั้นตอนถัดไปคือการให้พนักงานทำการตรวจสุขภาพ เพื่อเป็นเอกสารที่มีน้ำหนักในการตัดสินใจก่อนที่จะรับเข้าทำงาน นอกจากนี้ ผลการตรวจสุขภาพยังเป็นการรับรองว่าสุขภาพของพนักงานมีความปกติดี ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับองค์กรว่าพนักงานมีความพร้อมทางร่างกายก่อนที่จะเริ่มทำงาน และยังเป็นการรับประกันความปลอดภัยในการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ภายในบริษัทอีกด้วย
นอกจากนั้นการตรวจสุขภาพยังถือเป็นเรื่องที่ดีกับตัวผู้สมัครงาน เพราะบางครั้งภายนอกอาจดูเหมือนสุขภาพร่างกายปกติดิ แต่ภายในอาจกำลังป่วยเป็นโรคต่างๆ อยู่ก็ได้ เช่น โรคเอดส์, โรคหลอดเลือด, และโรคอื่น หากตรวจพบก็จะได้รักษาตั้งแต่เนินๆ
สำหรับรายการตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงานก็จะมีดังต่อไปนี้
รายการตรวจสุขภาพก่อนสมัครงาน/เริ่มงาน สำหรับเพศชาย
- ตรวจการมองเห็น เกี่ยวกับสายตา สั้น/ยาว/ตาบอดสี (V/A)
- ตรวจความสมบูรณ์ของเลือด (CBC)
- เอกซเรย์ปอดและหัวใจ (CXR)
- ตรวจร่างกายโดยแพทย์ (PE)
- ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด (Amphetamine)
- ตรวจความผิดปกติในปัสสาวะ (U/A)
รายการตรวจสุขภาพก่อนสมัครงาน/เริ่มงาน สำหรับเพศหญิง
- ตรวจการมองเห็น เกี่ยวกับสายตา สั้น/ยาว/ตาบอดสี (V/A)
- ตรวจความสมบูรณ์ของเลือด (CBC)
- เอกซเรย์ปอดและหัวใจ (CXR)
- ตรวจร่างกายโดยแพทย์ (PE)
- ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด (Amphetamine)
- ตรวจความผิดปกติในปัสสาวะ (U/A)
- ตรวจการตั้งครรภ์ (Preg Test)
วัยกลางคน (อายุ 41-60 ปี)
ช่วงวัยกลางคน ถือเป็นช่วงอายุที่คนทั่วไปเริ่มมีความมั่นคงในชีวิตจากการทำงานมาระยะหนึ่ง และยังเป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มเสื่อมสภาพ รวมถึงมีอาการต่างๆ แสดงออกมาในช่วงอายุนี้อีกด้วย อาทิ ผู้หญิงเริ่มมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งเต้านม ส่วนผู้ชายนั้นก็มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ระบบทางเดินปัสสาวะ และโรคมะเร็งต่างๆ เช่นกัน นอกจากนั้นบางคนอาจเริ่มมีปัญหาด้านสายตา จึงต้องมีการตรวจภาวะสายตายาวเป็นประจำทุกๆ 2 ปี เพิ่มเติม
- ตรวจสุขภาพตามรายการที่เคยตรวจในช่วงวัย 26-40 ปี
- ตรวจหาความเสี่ยงมะเร็งเต้านมสำหรับผู้หญิง
- ตรวจความดันโลหิตสูง
- ตรวจหาความเสี่ยงโรคหัวใจ
- ตรวจเบาหวาน
- ตรวจระบบทางเดินปัสสาวะ
- ตรวจสายตายาว
วัยสูงอายุ (อายุ 61 ปีขึ้นไป)
ช่วงวัยสูงอายุ คือช่วงเวลาที่หลายคนเกษียณอายุการทำงาน หากมีการเตรียมพร้อมที่ดีก็จะทำให้ความเครียดลดลง เพียงแต่คนวัยนี้มักจะมีความเสี่ยงในเรื่องความเสื่อมถอยของร่างกาย รวมถึงอวัยวะต่างๆ ก็จะมีความเสี่ยงในการทำงานผิดจากปกติมากขึ้น ดังนั้นคนวัยนี้จะต้องทำการตรวจสอบการทำงานของอวัยวะต่างๆ อย่างละเอียด และมีการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเป็นประจำ
- ตรวจสุขภาพตามรายการที่เคยตรวจในช่วงวัย 41-60 ปี
- ตรวจการทำงานของร่างกายในภาพรวมอย่างละเอียด
- ตรวจเฉพาะทางอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ ไต สมอง ช่องท้อง ความดันโลหิตสูง ความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคเกี่ยวกับไขข้อ โรคต้อกระจก ฯลฯ
- ตรวจมวลกระดูก ที่อาจมีการเสื่อมสภาพ ผุกร่อนลงไปตามอายุ
ก่อนเข้ารับการตรวจสุขภาพต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
สำหรับใครที่ยังสงสัยว่า ก่อนที่เราจะเดินทางไปตรวจสุขภาพต้องเตรียมตัวยังไง? มีอะไรควรทำหรือไม่ควรทำบ้าง? กรมควบคุมโรคได้ให้คำแนะนำเอาไว้ ดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมง
- งดอาหารและน้ำ ประมาณ 8-10 ชั่วโมง (ดื่มน้ำเปล่าได้)
- งดบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนตรวจ
- สามารถทานยาโรคประจำตัวได้ แต่ก่อนเข้ารับการตรวจควรแจ้งเจ้าหน้าที่
- ผู้หญิงหากสงสัยว่าจะตั้งครรภ์ ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนทุกครั้ง
- เลือกใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบาย สะดวกในการเจาะเลือด
- หากมีการตรวจปัสสาวะ ควรปัสสาวะช่วงต้นทิ้งเล็กน้อย แล้วค่อยเก็บปัสสาวะช่วงกลาง
- ให้ข้อมูลประวัติการรักษาของตัวเองแก่แพทย์ผู้ตรวจอย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบัง
เตรียมประกันสุขภาพเอาไว้รับความเสี่ยง แถมยังได้ลดหย่อนภาษี
นอกจากการตรวจสุขภาพประจำปีไม่มีขาดแล้ว สิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงเมื่อตรวจพบอาการเจ็บป่วยได้ก็คือ “การซื้อประกันสุขภาพให้กับตัวเอง” Sunday ขอแนะนำ ประกันสุขภาพออนไลน์ ไม่ว่าคุณจะมองหาความคุ้มครองการรักษาโดยไม่ต้องนอน รพ. (OPD) ความคุ้มครองสำหรับการเข้าพักรักษาตัวใน รพ. (IPD) ความคุ้มครองโรคร้ายแรง (Critical illness)
โดยประกันสุขภาพจากซันเดย์ ยังมอบสิทธิพิเศษและฟีเจอร์ให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นอีก ดังนี้
- ให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่า ในราคาจับต้องได้
- เบี้ยประกันสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ พร้อมคุ้มครอง COVID-19
- สามารถใช้บริการปรึกษาแพทย์ทางไกล พร้อมรับยาถึงบ้าน ใช้งานง่ายผ่านมือถือของคุณ
- ยื่นเคลมด้วยตนเองได้ง่ายๆ ผ่านซูเปอร์แอปฯ Jolly by Sunday โหลดเลยที่ App Store และ Google Play Store
- ได้รับสิทธิพิเศษมากมายจาก ซันเดย์ พริวิเลจ โปรแกรม
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทำงานวัยไหน ซันเดย์ก็อยากให้ทุกคนหมั่นดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี สังเกตอาการป่วยของตัวเองและเข้ารับการปรึกษาแพทย์อย่างสม่ำเสมอ หมั่นตรวจสุขภาพประจำปีอย่างละเอียดทุกครั้ง ไม่ว่าจะพบอาการอะไรหากเป็นแค่ระยะเริ่มแรก เราก็จะเพิ่มโอกาสในการรักษาหายได้มากขึ้น หรือป้องกันไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ในอนาคต การมีสุขภาพที่ดีจะช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจและเต็มไปด้วยความสุขอยู่เสมอ