เพราะทุกนาทีล้วนมีโอกาสสำคัญซ่อนอยู่ หากใครมีไอเดียทำธุรกิจที่อยากลองเริ่มต้นดูก็อย่ารอช้า โดยเฉพาะการเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเอง ที่นอกจากจะไม่ต้องทำงานให้ใครแล้ว ก็ยังกลายมาเป็นอาชีพหลักสร้างเงินในระยะยาวได้
ใครกำลังมองหาวิธีเริ่มต้นทำธุรกิจอยู่ มาอัปเดต 5 วิธีทำธุรกิจของตัวเองที่จะช่วยให้ตั้งหลักได้แบบมั่นใจ ขยายธุรกิจต่อได้ในอนาคตกัน จะเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวทั้งที ต้องเริ่มให้ถูกที่ ถูกทาง ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง
1. สร้างแบรนด์ให้ชัดเจน
ปัจจุบันนี้การสร้างแบรนด์ (Branding) เป็นสิ่งที่สำคัญต่อการสร้างธุรกิจของตัวเองให้ประสบความสำเร็จ โดยต้องเริ่มต้นจากการมองหาจุดเด่นของธุรกิจว่า มีอะไรบ้างที่นำมาเล่าเป็นเรื่องราวได้ หรือจุดเริ่มต้นของธุรกิจมาจากไหน เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างตัวตนให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี ทั้งยังช่วยให้คนเข้าใจและจดจำธุรกิจได้ง่ายขึ้น
การสร้างแบรนด์เริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยการมองหาสิ่งที่ต้องการสื่อสารเกี่ยวกับสิ่งที่ทำ อย่างเช่น หากคุณทำสกินแคร์สำหรับคนผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ การสร้างแบรนด์อาจจะเริ่มจากการสื่อสารว่าอะไรคือจุดเริ่มต้นของธุรกิจนี้ หากคุณมีประสบการณ์เกี่ยวกับสกินแคร์ตัวอื่น ๆ ที่ไม่ตอบโจทย์มาก่อน แล้วมาพัฒนาตัวนี้ขาย ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่หยิบยกมาทำแบรนด์ได้
นอกจากสิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์และเรื่องราวให้ธุรกิจแล้ว ก็ยังช่วยทำให้คุณสามารถวางแผนทำการตลาด และการสื่อสารได้ชัดเจน ตรงจุดมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
2. เขียนแผนธุรกิจ
การเขียนแผนธุรกิจอาจจะเป็นเรื่องใหม่ที่ดูแล้วยาก แต่ปัจจุบันนี้มีเอกสารสำหรับวางแผนธุรกิจให้ดาวน์โหลดเพื่อนำมาใช้ได้เลย ส่วนมากแล้วการเขียนแผนธุรกิจจะเริ่มต้นจากวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ การวิเคราะห์ตลาด การวิเคราะห์คู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน การกำหนดจุดเด่นของธุรกิจ (USPs) รู้จักกับข้อเสียหรือข้อเสียเปรียบ การกำหนดตำแหน่งทางการตลาดของธุรกิจ กำหนดกลุ่มลูกค้าที่เหมาะสมและอื่น ๆ อีกมากมาย
สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้มองเห็นภาพรวมการเติบโตและการบริหารธุรกิจได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยทำให้วางแผนด้านงบประมาณ การสื่อสาร และอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน
3. วางแผนการสื่อสาร
การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในยุคแห่งโลกออนไลน์ในขณะนี้ เพราะกว่าลูกค้าจะตัดสินใจซื้อได้ ส่วนมากจะมีการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจว่านี่คือสินค้าหรือบริการที่เหมาะสมกับตัวเอง สิ่งที่ธุรกิจสามารถควบคุมได้เพื่อทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักและได้รับความเชื่อใจจากกลุ่มลูกค้า คือ การทำคอนเทนต์เพื่อสื่อสารสิ่งที่แบรนด์ทำ
ไม่ว่าจะเป็นที่มาของแบรนด์ ส่วนผสมหลักของสกินแคร์ เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิต การทดลองและการวัดผล ตลอดจนไปถึงการทำงานของผู้คนในทีม ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องถูกบอกเล่าออกไปในรูปแบบที่เป็นตัวตนของธุรกิจ
คุณสามารถเริ่มได้ด้วยการกำหนดตัวตนของแบรนด์ให้ชัดเจน เช่น ลองคิดว่าถ้าแบรนด์นี้เป็นคน จะเป็นคนแบบไหน พูดจาอย่างไร สื่อสารแบบไหน หลังจากนั้นจึงกำหนดว่าแต่ละช่องทางการสื่อสารจะใช้เพื่อจุดประสงค์อะไร ทำคอนเทนต์เดือนละกี่โพสต์ สีที่จะใช้ สไตล์ของรูปภาพและกราฟิกต่าง ๆ เพื่อทำให้มีความสอดคล้องกันในทุก ๆ ช่องทาง
4. วางแผนเงินทุน
ก่อนจะเริ่มต้นลงมือทำธุรกิจ สิ่งที่มองข้ามไม่ได้ คือ เงินทุน ทุกวันนี้มีช่องทางการหาเงินทุนที่หลากหลายมากกว่าแค่การใช้เงินเก็บและการกู้เงิน แต่ยังมีเว็บไซต์และผู้คนหลาย ๆ กลุ่มที่คุณสามารถเริ่มต้นนำเสนอไอเดียธุรกิจเพื่อรับเงินทุนจากผู้ลงทุนได้ สิ่งที่คุณจะต้องนำเสนอกับธนาคารหรือผู้ลงทุน คือ แผนธุรกิจจากข้อข้างต้น ซึ่งแน่นอนว่ามีข้อมูลครบถ้วนเกี่ยวกับธุรกิจ การวางแผนต่าง ๆ หากเตรียมตัวดีแล้ว ก็สามารถเดินหน้าต่อเพื่อมองหาเงินทุนที่มั่นคงมากขึ้นได้เลย
5. อย่าลืมเรื่องเอกสารที่เกี่ยวข้อง
หากธุรกิจที่กำลังวางแผนเริ่มต้นทำอยู่ต้องมีการขออนุญาตเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องไม่ลืมที่จะดำเนินการและตรวจสอบทุกอย่างให้เเรียบร้อยก่อนที่จะลงทุน รวมถึงการวางแผนด้านภาษีด้วย ไปจนถึงการศึกษาว่าบริษัทมีรายได้เท่าไหร่จึงจะต้องจดทะเบียนให้ถูกต้อง นอกจากนี้การปรับฐานภาษีก็เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เช่นกัน
เช่น หากธุรกิจมีรายได้สุทธิมากกว่า 750,001 บาท จะมีอัตราเสียภาษีเงินได้ 15% ซึ่งน้อยกว่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ดังนั้น การจดบริษัทจะทำให้ช่วยจัดการภาษีได้ดีขึ้น เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้อาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การทำทุกอย่างให้ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น มีใบอนุญาตชัดเจน มีเอกสารครบถ้วน ก็มั่นใจได้เลยว่าสามารถเริ่มต้นสร้างธุรกิจของตัวเองได้อย่างมั่นใจแน่นอน
ทำอย่างไรให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างแข็งแรง
เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจแล้ว ในช่วงแรกจะพบว่ามีปัญหาหรือข้อบกพร่องเข้ามาให้แก้ไขแทบจะทุกวัน แต่นั่นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับธุรกิจ เพราะปัญหาเหล่านี้จะช่วยทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้ด้วยการปรับตัวไปเรื่อย ๆ นอกจากรายได้ที่ได้เข้ามาแล้ว การวางแผนทำให้ธุรกิจเติบโตได้ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมา อย่างเช่น
- รับฟังข้อเสนอแนะจากลูกค้าตัวจริง แล้วนำมาปรับใช้กับสินค้าและบริการ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
- ติดตามเทรนด์ของสังคม โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจเดียวกัน เพื่อดูว่ามีโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจที่คุณสามารถนำเสนอสินค้าหรือบริการที่เหมาะสมกับความต้องการของสังคมในขณะนั้นได้หรือไม่
- มองหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ พาร์ทเนอร์ หมายถึง คนหรือแบรนด์อื่น ๆ ที่คุณสามารถร่วมงานด้วยได้เพื่อสร้างสินค้าหรือบริการที่ดีมากยิ่งขึ้น เช่น การร่วมออกแบบขวดสกินแคร์กับศิลปินชื่อดังของไทยในช่วงสงกรานต์
- อัปเดตความเคลื่อนไหวผ่านทางโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างฐานลูกค้าใหม่ ๆ และทำให้ลูกค้าเก่าได้เห็นการเติบโตของแบรนด์ จดจำแบรนด์ได้
- วางแผนระบบการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ที่ช่วยดึงลูกค้าเก่าให้กลายเป็นลูกค้าประจำด้วยการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้า สินค้าและบริการที่ลูกค้าเคยซื้อ รวมถึงพฤติกรรมอื่น ๆ ที่ทีมการตลาดสามารถนำมาพัฒนาแผนการตลาดและการสื่อสารให้ตรงจุดมากยิ่งขึ้นได้
เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยงที่ต้องชั่งใจ
ถึงแม้ว่าการลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่การวางแผนให้รอบคอบ รวมถึงการวิเคราะห์ตลาดและสินค้าอย่างดี ก็ช่วยทำให้จุดเริ่มต้นของธุรกิจเป็นไปได้ดีมากกว่าการไม่วางแผนอะไรเลย นอกจากนี้ก็ต้องไม่ลืมที่จะมองหาโอกาสสำหรับการนำเสนอสินค้าหรือบริการใหม่ ๆ ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงการพัฒนาสินค้าและบริการให้ดีขึ้นเพื่อตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าด้วย ทำแบบนี้แล้วก็ช่วยทำให้มั่นใจได้ว่าการลงทุนในธุรกิจครั้งนี้จะสามารถได้ผลตอบแทนกลับมาอย่างยั่งยืนได้แน่นอน
ถ้าความเสี่ยงของการทำธุรกิจสามารถลดลงได้จากการวางแผน การสร้างความอุ่นใจรองรับความเสี่ยงด้านการเงินที่เกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว ก็สามารถคลายกังวลได้ด้วยการซื้อประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองที่เมคเซนส์เช่นกัน
เลือกซื้อประกันสุขภาพออนไลน์จาก Sunday เพื่อเป็นตัวช่วยบริหารความเสี่ยงค่าใช้จ่ายที่มาพร้อมกับการรักษาสุขภาพ เช็กเบี้ยประกันง่าย ๆ กรอกแค่ ‘วันเดือนปีเกิด’ ก็พร้อมเลือกความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ได้ทันที ให้คุณได้มีผู้ช่วยบริหารความเสี่ยงที่มาจากสุขภาพ เพื่อให้คุณได้โฟกัสกับความสำเร็จของธุรกิจต่อไป
