ปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพของเราไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องอาหารการกินหรือการออกกำลังกายเท่านั้นนะ เพราะไลฟ์สไตล์หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราก็ส่งผลต่อสุขภาพได้ด้วยเช่นกัน อย่างการเลือกหลอดไฟก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อสุขภาพของเราได้ เพราะหากเลือกไม่เหมาะสมต่อการใช้งาน นอกจากจะทำให้สายตาเสียแล้ว ก็ยังทำให้ระบบต่างๆ รวนได้ด้วยเช่นกัน
ไปดูกันว่าแสงของหลอดไฟจะส่งผลต่อสุขภาพได้อย่างไร รวมไปถึงว่าหลอดไฟแต่ละประเภท อย่างหลอด Warm White, Cool White และ Day Light แตกต่างกันอย่างไรบ้าง? และควรเลือกหลอดไฟยังไงให้เหมาะสมต่อการใช้งานที่สุด?
แสงหลอดไฟส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร?
เนื่องจากร่างกายของมนุษย์เรามีสิ่งที่เรียกว่านาฬิกาชีวิตคอยควบคุมระบบต่างๆ ซึ่งนาฬิกาชีวิตของคุณจะทำงานได้ดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็คือแสง ซึ่งในอดีตมนุษย์เราก็จะพึ่งพาแสงจากธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันก็มีสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าหลอดไฟที่ช่วยทำให้เรามีแสงใช้งานตลอดเวลาตามต้องการ
อย่างไรก็ตาม แสงจากหลอดไฟ หากเลือกใช้ไม่ถูกต้อง หรือไม่เหมาะสม ก็อาจส่งผลต่อสุขภาพเราได้ เช่น แสงสีฟ้าจากโทรศัพท์ ที่หากเราจ้องแสงสีฟ้ามากเกินไปก่อนนอน ก็อาจส่งผลให้เรานอนไม่หลับได้ เนื่องจากแสงสีฟ้าจะยับยั้งการหลั่งของฮอร์โมนเมลาโทนิน หรือหากเรามีการใช้หลอดไฟที่ไม่ได้มาตรฐาน มีแสงกระพิบ ก็จะส่งผลต่อสุขภาพดวงตาและทำให้มึนหัวได้ จนไปถึงความสว่างของหลอดไฟที่เหมาะสมก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากสว่างเกินไปก็อาจทำให้ตาพร่ามัวและเห็นภาพซ้อนได้
ซึ่งนอกจากแสงสีฟ้าแล้ว ก็ยังมีหลอดไฟอีกหลากหลายประเภทด้วยกัน ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพเราได้หากนำมาใช้งานแบบไม่เหมาะสม โดยในบทความนี้เราจะพูดถึงหลอดไฟที่ได้รับความนิยมในการนำมาใช้งาน นั่นก็คือหลอดวอร์มไวท์ คูลไวท์ และเดย์ไลท์ ไปดูกันว่า เราจะเลือกใช้ให้เหมาะสมต่อการใช้งานได้อย่างไรบ้าง
Sunday Tips รู้หรือไม่!? นาฬิกาชีวิต หรือ Body Clock คือวงจรระบบการทำงานของร่างกายมนุษย์ ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย ทั้งการตื่นนอน คุณภาพการนอน การหลั่งฮอร์โมน ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบการเผาผลาญ ฯลฯ |
หลอดไฟวอร์มไวท์ คูลไวท์ และเดย์ไลท์ ต่างกันยังไง?
หลักๆ แล้วหลอดไฟทั้ง 3 ประเภทนี้จะแตกต่างกันที่อุณหภูมิสีซึ่งจะวัดกันเป็นหน่วยเคลวินและการใช้งาน ดังนี้
หลอดไฟวอร์มไวท์ (Warm White)
หลอดวอร์มไวท์จะให้แสงสีเหลืองเข้มจนไปถึงส้ม จะมีอุณหภูมิความสว่างต่ำสุดอยู่ที่ 3,500-4,500 เคลวิน จึงอาจไม่เหมาะกับการใช้งานอย่างการอ่านหนังสือเท่าไรนัก แต่จะเหมาะกับการนำไปตกแต่งเพื่อให้ความสวยงาม เพราะให้ความรู้สึกนุ่มนวล สบายตา และผ่อนคลาย ติดได้ทั้งในห้องนั่งเล่น ห้องทานอาหาร และห้องน้ำ
หลอดไฟคูลไวท์ (Cool White)
หากใครกำลังมองหาหลอดไฟที่เหมาะกับการอ่านหนังสือ หลอดไฟคูลไวท์ก็ตอบโจทย์อย่างมาก โดยหลอดไฟคูลไวท์จะมีอุณหภูมิสีอยู่ที่ 4,600-5,500 เคลวิน ซึ่งถึงแม้ว่าจะให้แสงที่จ้ากว่าหลอดไฟวอร์มไวท์ แต่ก็ยังเป็นแสงสีขาวที่มีความนวล และมีโทนอุ่น ทำให้สบายตา รู้สึกมีชีวิตชีวา
หลอดไฟเดย์ไลท์ (Day Light)
หลอดไฟเดย์ไลท์เป็นหลอดไฟที่มีแสงจ้าที่สุดหากเทียบกับหลอดวอร์มไวท์และคูลไวท์โดยมีอุณหภูมิอยู่ที่ 5,600-6,400 เคลวิน ซึ่งหลอดไฟประเภทนี้จะให้แสงสีขาวเหมือนแสงธรรมชาติ สามารถใช้เพื่ออ่านหนังสือได้เช่นกัน แต่เมื่อแสงกระทบกับกระดาษก็อาจจะจ้าไปสำหรับบางคน จึงเหมาะกับการนำไปติดในห้องครัวหรือบริเวณที่ต้องการให้เห็นสิ่งของหรือวัตถุดิบชัดเจนมากกว่า
หากเราเลือกหลอดไฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน ก็จะส่งผลดีต่อเราทั้งในเรื่องสายตา การนอนหลับ รวมไปถึงการฟื้นฟูระบบต่างๆ ของร่างกาย และทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รู้แบบนี้แล้วก็อย่าลืมเลือกหลอดไฟให้ถูกต้อง เพราะหลอดไฟที่ดีนั้นไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง แต่ต้องเหมาะสมกับการใช้งาน นอกจากนี้ก็อย่าลืมซื้อประกันสุขภาพไว้คุ้มครองการรักษาเมื่อเจ็บป่วยกันด้วยนะ ซันเดย์ ประกันสุขภาพออนไลน์ คุ้มครองครอบคลุมการรักษาหลายโรค รวมไปถึงโรคทางสายตา แถมยังมีเบี้ยประกันที่ไม่แพงและมีราคาสมเหตุสมผลอีกด้วย ไปเช็คค่าเบี้ยตามอายุบนเว็บไซต์กันเลย!